
ผศ.ดร.ธัญญานุภาพ อานันทนะ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ด้านการบริหารนวัตกรรม วิเทศสัมพันธ์ และสื่อสารองค์กร เปิดเผยว่า เชียงใหม่ ถือเป็นเมืองที่มีความผสมผสานอารยธรรมความล้านนา และความทันสมัยอย่างลงตัว ดั่งนั้น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศูนย์สถาปัตยกรรมล้านนา คุ้มเจ้าบุรีรัตน์ (มหาอินทร์) วิทยาลัยสื่อ ศิลปะ และเทคโนโลยี มช. และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) จึงร่วมกันจัดงาน KHUM Awaken Innovation Creative Economy โครงการส่งเสริมและพัฒนาการขยายผลธุรกิจนวัตกรรมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ขึ้น วัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองต่อพันธกิจมช.ที่จะสืบสานวัฒนธรรมล้านนา เป็นแหล่งสะสมองค์ความรู้ เผยแพร่ และการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม และผลงานตระการตา “ต่อยอด แสงหลวง” เป็น 1 ใน 3 นิทรรศการแสดงผลงานของการจัดงานครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของมช.
ศ.ดร.ระวิวรรณ โอฬารรัตน์มณี คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มช. กล่าวว่า พระธาตุเจดีย์หลวง ตั้งอยู่ที่วัดเจดีย์หลวงวรมหาวิหาร อำเภอเมืองเชียงใหม่ สร้างขึ้นในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 20 ในสมัยพญาแสนเมืองมา ถือเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในภาคเหนือ โดยจากการศึกษาเทียบเคียงหลักฐาน ตํานาน และข้อสันนิษฐานต่าง ๆ คาดว่า เดิมมีความสูงประมาณ 70 เมตร ฐานเจดีย์เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างประมาณด้านละ 60 เมตร แต่เมื่อ 477 ปีที่แล้ว ได้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ทำให้ส่วนยอดของเจดีย์หัก เหลือความสูงเพียง 40 เมตร ดั่งที่เห็นในปัจจุบัน และได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการทดลองนวัตกรรมสถาปัตยกรรม ที่มุ่งเน้นการต่อยอดภูมิปัญญาด้วยนวัตกรรมเพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจสร้างสรรค์ชุมชน “แนวคิดมาจากคําถามสำคัญว่า เราจะสามารถปลุกโบราณสถาน ให้ตื่นและมีชีพจรในจังหวะเดียวกับสังคมร่วมสมัยได้อย่างไร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จึงมีการค้นหาวิธีการสร้างประสบการณ์ใหม่ที่เร้าความรู้สึกด้วยปรากฏการณ์แสง และเป็นที่มาของผลงาน ตระการตา “ต่อยอด แสงหลวง” ที่ถือเป็นปรากฏการณ์ที่สามารถกระตุ้นให้ผู้คน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ได้เกิดความสนใจ และเริ่มหันมาสร้างบทสนทนาด้วยภาษาใหม่กับโบราณสถาน และงานชิ้นนี้เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า การเลือกใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่สร้างสรรค์อาจเป็นเครื่องมือสำคัญที่สามารถที่ช่วยปลุกชีวิตให้มรดกทางวัฒนธรรมอื่นๆ สามารถเดินไปพร้อมกับจังหวะของโลกร่วมสมัยได้”ดร.ระวิวรรณ กล่าว
ด้าน ผศ.ดร.บุรินทร์ ธราวิจิตรกุล หัวหน้าศูนย์นวัตกรรมล้านนาสร้างสรรค์ (CLIC) กล่าวว่า สำหรับเทคนิคที่ใช้ เป็นการฉายแสงเลเซอร์เติมไปในบริเวณส่วนยอดขององค์เจดีย์หลวงที่หายไป โดยเป็นการใช้ปรากฏการณ์แสงเติม รูปทรงและสัดส่วนความสูงให้กับองค์เจดีย์หลวง ด้วยเทคนิคที่เรียกว่า “Projection” หรือ “ภาพฉาย” สร้างอุโมงค์แสงเสมือน (Space) ซ้อนทับลงไปกับองค์เจดีย์ ทำให้เกิดเป็นเส้นรอบรูปไปที่องค์เจดีย์ เพื่อแสดงสัดส่วนและความสูงของเจดีย์ที่สมบูรณ์ ส่งผลทำให้ชาวเชียงใหม่รวมถึงนักท่องเที่ยว ได้มีโอกาสได้ย้อนไปสัมผัสความสง่างามขององค์เจดีย์หลวงในอดีต หลังจากที่ไม่มีใครเคยเห็นมาเกือบ 500 ปี นับเป็นการแสดงผลงานที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดที่จะได้มาเยี่ยมชม โดยกำหนดจัดแสดงอย่างต่อเนื่องทุกวันอาทิตย์ เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค. และไปสิ้นสุดในวันที่ 25 ก.ย. ในช่วงเวลา 20.00- 22.00 น. ที่วัดเจดีย์หลวงวรมหาวิหาร สำหรับนิทรรศการแสดงผลงาน
อีก 2 ส่วนสำคัญ ได้แก่ KHUM X NIA Innovative Showcase (SHOW CASE X SHOW KHUM) งานแสดงสินค้าธุรกิจนวัตกรรมสร้างสรรค์ของผู้ประกอบการ ที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมดั้งเดิมและอัตลักษณ์ของเชียงใหม่มาผลิตเป็นผลงานที่มีความร่วมสมัย สามารถปรับใช้ได้จริงกับชีวิตปัจจุบัน โดยงานแสดงจะจัดต่อเนื่องทุกวันอาทิตย์ จนถึงวันที่ 25 ก.ย. เวลา 17.30-21.30 น. ณ ศูนย์สถาปัตยกรรมล้านนา คุ้มเจ้าบุรีรัตน์ (มหาอินทร์) และนิทรรศการ “สถาปัตยกรรมสมัยใหม่เมืองเชียงใหม่: ภาพสะท้อนความทันสมัย Chiang Mai Modern Architecture: the Reflection of Modernity” โดย รศ.ดร.สันต์ สุวัจฉราภินันท์ อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มช. และ “Modernized Bangkok” โดย foto-momo 2 นิทรรศการที่ถ่ายทอดภาพของสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ในเชียงใหม่และกรุงเทพฯ ที่เป็นนวัตกรรมทางสังคม ที่สะท้อนวิธีคิด ชีวิต และความเป็นอยู่ของผู้คนของยุคสมัยหนึ่ง จัดแสดงจนถึงวันที่ 31 ต.ค. ทุกวัน เวลา 8:30 – 16:30 น. (ปิดวันจันทร์) ที่ศูนย์สถาปัตยกรรมล้านนา คุ้มเจ้าบุรีรัตน์ (มหาอินทร์)