
วช. จัดเสวนาปลุกกระแสคนไทย “ร่วมสร้างสังคมไทยปลอดภัยฯ”
เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) จัดเสวนาเรื่อง “ร่วมสร้างสังคมไทยปลอดภัยจากความรุนแรง ด้วยวิจัยและนวัตกรรม” เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ และเผยแพร่ผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่ได้ให้ทุนสนับสนุน ในประเด็นด้านสังคมไทยปลอดภัยจากความรุนแรง และอยู่ร่วมกันอย่างสันติ โดยมี ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการวช. เป็นประธานกล่าวเปิดงานเสวนา ผู้ร่วมเสวนา
ประเด็นที่น่าสนใจประกอบด้วยเรื่อง “ลดความรุนแรงในสังคมไทย โดยใช้พลังบวก” โดยร.ศ.น.พ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) ประเด็น “ความรุนแรงในสังคมไทย : ภัยเงียบที่ควรรู้” โดย ร.ศ.ดร.สุมนทิพย์ จิตสว่าง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประเด็น “นวัตกรรม…รู้ไว้ป้องกันภัยความรุนแรง” โดยรส.ร.สุณีย์ กัลยะจิตร มหาวิทยาลัยมหิดล และ ประเด็น “สื่อสร้างสรรค์ รังสรรค์สังคมปลอดภัย” โดยรศ.ร.พนิดา จงสุขสมสกุล มหาวิทยาลัยนเรศวร ดำเนินรายการเสวนา โดย รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภวัฒนากร วงศ์ธนวสุ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่วช. ถนนพหลโยธิน กรุงเทพมหานคร และผู้ร่วมรับฟังการเสวนา ผ่านรูปแบบออนไลน์สื่ออิเล็กทรอนิกส์ Zoom Meeting และ Facebook Live
ดร.วิภารัตน์ กล่าวว่า วช. ภายใต้กระทรวง อว. เป็นหน่วยงานหลักด้านการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ที่มีบทบาทสำคัญด้านการขับเคลื่อน และสนับสนุนการดำเนินโครงการวิจัย ที่มีความท้าทายและมีเป้าหมายชัดเจนรวมถึงการส่งเสริมและถ่ายทอดองค์ความรู้ ตลอดจนผลักดันให้เกิดการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปสู่การใช้ประโยชน์ในมิติต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดการพัฒนา และสามารถแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งสังคมไทยไร้ความรุนแรง ถือเป็นปัญหาทางสังคมที่มีความท้าทายในการแก้ไข เพราะความรุนแรงมีหลายมิติมีความสลับซับซ้อน เช่น ความรุนแรงในครอบครัว ความรุนแรงในโรงเรียน ความรุนแรงทางสื่อ ความรุนแรงบนท้องถนน
นอกจากนี้ยังมีความรุนแรงอีกหลายรูปแบบ ที่เป็นภัยแฝงอยุ่ในสังคมไทย ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับประชาชนทุกกลุ่มเพศและทุกวัย ดังนั้นการลดความรุนแรงในสังคมไทยจึงถือเป็นโจทย์ท้าทายที่สำคัญสำหรับการวิจัยและการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ทางสังคมให้กับคนไทยได้อย่างมั่นคง และสามารถนำไปสู่การลดปัญหาความรุนแรงในสังคมไทยได้อย่างยั่งยืน
ร.ศ.น.พ.สุริยเดวกล่าวว่า การอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจสังคมและมีการเสริมพลังเพื่อสร้างความมั่นคงทางสังคมนั้น ครอบครัวเป็นพลังกำลังที่สำคัญ ซึ่งต้องอาศัยนโยบายหรือมาตรการเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยเป็นสิ่งขับเคลื่อนเพื่อลดความรุนแรงในสังคมไทย จึงเกิดระบบพี่เลี้ยง ที่ปรึกษา ในชุมชนด้วยจิตวิทยาเชิงบวก โดยนำองค์ความรู้จากการวิจัยเพื่อพัฒนาความรอบรู้ทางสุขภาพจิตต่อผู้ปกครองไปสู่การปฏิบัติพัฒนาระบบพี่เลี้ยงในชุมชนที่มีทั้งกระบวนการพัฒนาคนพัฒนากลไก และพัฒนากิจกรรม เพื่อพัฒนาสู่การเชื่อมโยง และการสร้างการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันระหว่างภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง
ทั้งภาครัฐ เอกชนหรือตัวแทนชุมชนเอง ให้เกิดการเรียนรู้และการทำงานอย่างเป็นรูปธรรม พัฒนาศักยภาพครอบครัวในชุมชนให้มีทักษะและสามารถในการสร้างเสริมพลังบวก ปกป้อง คุ้มครองและการให้การช่วยเหลือแก้ไขป้องกันปัญหาความรุนแรงในครอบครัวเกิดกระบวนการสร้างครอบครัวเข้มแข็งในการเสริมสร้างป้องกันคุ้มครองและจัดการความรุนแรงในครอบครัว ผ่านคณะทำงานพัฒนาครอบครัวอันจะนำไปสู่การลดความรุนแรงในสังคมไทย โดยใช้พลังบวกได้อย่างแท้จริง
ร.ศ.ดร.สุมนทิพย์กล่าวว่า ปัญหาความรุนแรงของสังคมไทยความรุนแรงในสถานการณ์โลก พบว่าความรุนแรงต่อตนเอง พ.ศ.2566 : การฆ่าตัวตายอยู่ในอันดับ 73 ความรุนแรงในครอบครัวของสังคมไทยเกิดขึ้นไม่น้อยกว่าวันละ 1 เหตุการณ์ พ.ศ.2559 สถิติความรุนแรงต่อสตรีอยู่ในอันดับ 1 ใน 10 ของโลก พ.ศ.2542 เด็กและเยาวชนกระทำผิด อันดับ 8 ของโลก พ.ศ.2561 เด็กและเยาวชนถูกรังแกในโรงเรียนเป็นอันดับ 2 ของโลก ผู้สูงอายุทั่วโลกและประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาความรุนแรงจากคนใกล้ตัว และความรุนแรงระหว่างกลุ่ม พ.ศ.2565 : สถิติการก่อการร้ายอยู่ในลำดับที่ 22 ของโลก จากสถิติตรงนี้จะเห็นได้ว่าความรุนแรงตรงนี้ส่งผลในมิติทางเศรษฐกิจภัยเงียบที่ควรตระหนัก
ด้านรศ.ดร.สุณีย์กล่าวว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้น มักเป็นเหตุสะเทือนขวัญแก่ประชาชน และสถิติต่าง ๆ ไม่ได้ลดลง นำไปสู่การออกแบบวิธีการวิจัยให้ประสบความสำเร็จและตรงตามกรอบการวิจัยเพื่อนำไปสู่การลดความรุนแรงด้วยวิจัยและนวัตกรรม โดยการพัฒนาการสร้างวีดิทัศน์ การสร้างความเข้าใจเพื่อป้องกันปัญหาการข่มขืน กระทำชำเรา และอาชญากรรม วีดิทัศน์ความปลอดภัยจากการข่มขืนจำนวน 4 เรื่อง 1.ครอบครัวอบอุ่น 2.โรงเรียนที่รัก 3. ชุมชนเป็นมิตร และ 4. กฎหมายข่มขืนทุกคนต้องรู้ และวีดิทัศน์กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเพศจำนวน 2เรื่อง 1. แนวปฏิบัติสำหรับผู้กระทำผิดในคดีข่มขึ้น 2. องค์ประกอบความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา อันจะนำไปสู่การสร้างการป้องกันภัยจากความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นในสังคมไทยให้เป็นสังคมที่น่าอยู่
รศ.ร.พนิดากล่าวว่า สื่อเป็นผู้ที่มีบทบาทในการชี้นำสังคมมีส่วนสำคัญที่จะช่วยรังสรรค์สิ่งดี ๆ การนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่มีความเกี่ยวข้องกับมิติต่าง ๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจ พลังของสื่อที่ดีจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางความคิดทัศนคติทางสังคม ซึ่งบริบทของสื่อในการสร้างความรับรู้นั้นมีส่วนสำคัญ สื่อที่ปลอดภัยและสร้างสรรค์จะช่วยยกระดับสังคมไทยให้ปลอดภัยจากความรุนแรงด้วยวิจัยและนวัตกรรม