
วช. เปิด NRCT TALK โชว์ นักวิจัยดีเด่น ปี 66 “ศ.ดร.จินตวีร์ คล้ายสังข์” ผู้พัฒนาสื่อฯยุคดิจิทัล
เมื่อวันที่ 24 เม.ย. สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) จัดเวทีแถลงข่าว “NRCT Talk : นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2566 ครั้งที่ 4” เปิดตัว ศ.ดร.จินตวีร์ คล้ายสังข์ ภาควิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาการศึกษา ประจำปี 2566 โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการวช. ได้มอบหมายให้ นายเอนก บำรุงกิจ รองผู้อำนวยการวช. เป็นประธานเปิดงาน ที่ศูนย์จัดการความรู้การวิจัย อาคาร วช.1 วช. กรุงเทพมหานคร
นายเอนกกล่าวว่า วช. มีภารกิจที่สำคัญในการยกย่อง เชิดชู ประกาศเกียรติคุณหรือยกย่องบุคคลหรือหน่วยงานด้านการวิจัยและนวัตกรรม โดยเป็นผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อวงวิชาการส่วนรวม ซึ่งในปี 2566 วช. ได้มอบรางวัลการวิจัยแห่งชาติ ประจำปี 2566 ใน 4 ประเภท ได้แก่ รางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ รางวัลผลงานวิจัย รางวัลวิทยานิพนธ์ และ รางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจให้กับนักวิจัยและนักประดิษฐ์ รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ให้พัฒนาและสร้างองค์ความรู้ด้านการพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรม ตลอดจนการพัฒนาไปสู่การประยุกต์ใช้องค์ความรู้เพื่อต่อยอด ไปสู่นวัตกรรมทางเศรษฐกิจหรือนวัตกรรมทางสังคมได้
อย่างเช่นในวันนี้ วช. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญทางการศึกษาที่เป็นรากฐานทางสังคม จึงเปิดตัวนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาการศึกษา ประจำปี 2566 “ศ.ดร.จินตวีร์ คล้ายสังข์ คณะครุศาสตร์จุฬาฯ ” ผู้คิดค้นผลงานวิจัยที่สร้างองค์ความรู้ใหม่และมีประโยชน์ต่อการเรียนการสอนด้านเทคโนโลยีการศึกษาและสื่อสารการศึกษาในวงกว้าง ตลอดจนการต่อยอดเป็นนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษาให้สามารถนำผลวิจัยไปใช้งานได้จริง ให้กับสื่อมวลชนในครั้งนี้
ศ.ดร.จินตวีร์กล่าวว่า เริ่มทำการศึกษาวิจัยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550จนถึงปัจจุบัน ด้วยแรงผลักดันที่อยากเป็นต้นแบบให้กับนิสิต นักศึกษา ให้เกิดความใฝ่รู้ จึงเริ่มศึกษาวิจัยและนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยี และสื่อสารการศึกษา ทำให้มีความเชี่ยวชาญพัฒนาเทคโนโลยีอัจฉริยะ และระบบเสริมในการเรียนออนไลน์ การเรียนแบบผสมผสาน ห้องเรียนกลับด้าน สภาพแวดล้อมการเรียนรู้เสมือน การพัฒนาแอปพลิเคชันช่วยสอนด้วยแชทบอท ร่วมกับอุปกรณ์เทคโนโลยีสวมใส่ เพื่อเป็นตัวช่วยในการเรียนรู้ในบริบทต่าง ๆ ซึ่งงานวิจัยที่ทำอยู่จะมุ่งเน้นประโยชน์ใน 4 มิติที่สำคัญ มิติที่ 1 Acadamic contribution งานวิจัยนวัตกรรมจะต้องเน้นให้ผู้เรียนเกิดผลลัพธ์การเรียนรู้ ทั้งในเรื่องทักษะสมรรถนะทางวิชาชีพ soft skill ทักษะการคิดต่าง ๆ โดยให้ความสำคัญกับ User Experience คือประสบการณ์ของผู้ใช้งาน และ User Interface Design ให้เหมาะสมกับบริบทและตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากที่สุด
มิติที่ 2 Co-creation การทำงานร่วมกับศาสตร์สาขาวิชาอื่น ๆ เช่น การทำงานร่วมกับอาจารย์คณะแพทยศาสตร์ในการพัฒนาสมรรถนะทางวิชาชีพของนักศึกษาแพทย์ โดยการพัฒนานวัตกรรมแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ไมโครคอนโทรลเลอร์และหุ่นจำลองในการพัฒนาสมรรถนะวิชาชีพของนักศึกษาแพทย์ มิติที่ 3 International collaboration การสร้างเครือข่ายในระดับสากล โดยร่วมมือกับอาจารย์นักวิจัยในต่างประเทศ เพื่อเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยีและการจัดการเรียนรู้ เพื่อเตรียมพร้อมให้คนไทยสามารถที่จะเป็นพลเมืองโลก ได้อย่างเหมาะสม มิติที่ 4 Scalability การร่วมมือเป็นเครือข่ายการทำวิจัยและนวัตกรรมกับภาคเอกชน ทั้งนี้เพื่อยกระดับงานวิจัยให้เกิดประโยชน์ในวงกว้าง และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องมือวิจัยและนวัตกรรมต่อไป
ศ.ดร.จินตวีร์ กล่าวถึงนักวิจัยรุ่นใหม่ว่า “การเป็นนักวิจัยที่ดีนั้น เราจะต้องมองภาพงานวิจัยในระยะยาว มองให้เห็นภาพใหญ่ว่าความเชี่ยวชาญของเราจะสามารถส่งเสริม สนับสนุน และช่วยขับเคลื่อน พัฒนาสังคมและประเทศชาติได้อย่างไร โดยยึดหลักในการทำงาน 3 Ps ได้แก่ Purpose: ทุกความสำเร็จ เริ่มต้นจากการที่มีเป้าหมายที่ชัดเจน Passion: ระหว่างทางสู่เป้าหมาย ต้องมีความสุข สิ่งที่ทำเกิดประโยชน์ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น และ Pertinacious: ความมุ่งมั่น เพียรพยายามเพื่อไปให้ถึงความสำเร็จที่ตั้งไว้”