
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดเวทีเสวนาในงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2565 เมื่อเร็วๆนี้ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ ในหัวข้อ “การสนับสนุนงานวิจัยด้าน Creative Economy ” ผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการวช., ศ.นพ.บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล และ ผศ.ดร.สุรพงษ์ เลิศสิทธิชัย อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดำเนินรายการโดย ศ.ดร.พีระพงศ์ ฑีฆสกุล จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ดร.วิภารัตน์กล่าวว่า วช. ได้ให้การสนับสนุนงานวิจัยด้าน Creative Economy ตามนโยบายของรัฐบาล และ รมว.อว. ศ.พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อในการออกแบบและวางแผน และเป็นหนึ่งในกรอบงานวิจัยที่นำมาจัดแสดงในงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2565 ผลงานวิจัยด้าน Creative Economy ที่ วช. ให้ทุนสนับสนุน เป็นเรื่องของการสร้างองค์ความรู้ใหม่ ซึ่งมีงานวิจัยเด่น ๆ อาทิ เทคนิคการออกแบบลาวพร่าเลือน ในงานไหมมัดหมี่ ของมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นงานที่ทำให้ผ้ามัดหมี่ มี อัตลักษณ์ เกิดลวดลายที่เป็นที่ต้องการของตลาด การอนุรักษ์งานศิลปกรรมที่นครศรีธรรมราช และที่ วช. ภาคภูมิใจ คือ งานวิจัยที่ทำร่วมกับมหาวิทยาลัยศิลปากร และทำให้องค์การยูเนสโก ประกาศให้เพชรบุรีเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารของโลก ซึ่งผลงานวิจัยนี้ถือเป็นต้นแบบของการประเมินโดยหน่วยงานระดับนานาชาติ ซึ่งจ.เพชรบุรีใช้ยุทธศาสตร์ดังกล่าวมาทำงานร่วมกับ วช. เป็นความภาคภูมิใจที่ทำให้เกิด Creative Economy
ศ.นพ.บรรจงกล่าวว่า ในอนาคต Creative Economy จะมีความสำคัญมาก และจะเป็นทางรอดของประเทศไทย เพราะจากนี้สุภาษิตตกปลาเป็นไม่พอแล้ว ทุกประเทศตกปลาเป็นหมด แต่สิ่งที่จะทำให้อยู่รอดคือ การสร้างมูลค่า ในมหาวิทยาลัยต้องสอนให้เพิ่มมูลค่า ถ้าศึกษาชีวิตของคนดังอย่าง สตีฟ จ๊อบส์, บิล เกตส์ ,มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ล้วนไม่ได้เรียนตามปกติ แต่ชอบทำสิ่งที่ท้าทาย มีโอกาสและจังหวะชีวิตที่ดี จังหวะชีวิตเป็นสิ่งสำคัญมาก แต่ละช่วงชีวิตจะมีคนที่เป็น Key person สร้างอะไรที่เป็นประโยชน์ การที่จะสร้างมูลค่าสิ่งใดได้เราจะต้องสร้างความเป็น Creative และจะต้องยืนให้ได้ด้วยตัวเอง สำหรับผลงานวิจัยด้าน Creative Economy ของมหาวิทยาลัยมหิดล อาทิ สุดสาครออเครสตร้า มหัศจรรย์หุ่นไม้จันทร์หอม แฮรี่พอตเตอร์ ออเครสตร้า โครงการอุทยานฯ เป็นต้น
ด้านผศ.ดร.สุรพงษ์ กล่าวว่า งานวิจัยด้านเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ในช่วง 2562-2563 เพิ่มขึ้นมาก ในปีนี้มีประมาณ 100 ผลงาน แต่มูลค่าไม่สูงนัก อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์สามารถใช้เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยอาศัยวัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ที่มีเป็นทุนเดิม ซึ่งในปี 2565 ได้รับทุนวิจัยมุ่งเป้าทำวิจัย โดย รมว. อว. ให้แนวทางว่างานวิจัยเชิงเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จะต้องเกิดจากวัฒนธรรมที่เป็นความคิดของคนในท้องถิ่น เป็นความเชี่ยวชาญ สามารถบูรณาการได้ มีผู้วิจัยหลากหลายสาขา มีการขยายผลต่อยอดในวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว มีการสร้างคุณค่าเพื่อเพิ่มมูลค่า แบ่งเป็น 4 กลุ่ม บวก1 ได้แก่ กลุ่มศิลปะและดนตรี กลุ่มสินค้า กลุ่มบริการสร้างสรรค์ กลุ่มสื่อสร้างสรรค์ และสาขาที่เกี่ยวข้อง งานวิจัยเด่น อาทิ สามย่าน รถไฟสายประวัติศาสตร์ ลำพูน เชียงใหม่ การใช้พื้นที่สถานีรถไฟหัวลำโพง The Gastronomy อาหารไทยบนแพลตฟอร์ม กิจกรรมมวยไทยสำหรับชนทุกวัย ผลิตภัณฑ์สปา เป็นต้น