คลังเก็บหมวดหมู่: บันเทิง-กีฬา

เจาะลึกอินไซต์อุตสาหกรรมภาพยนตร์ ซีรีส์ และแอนิเมชันไทย ผ่านโครงการ Content Lab 2024 ปีที่ 2 ดันคอนเทนต์ไทยสู่ตลาดสากล

เจาะลึกอินไซต์อุตสาหกรรมภาพยนตร์ ซีรีส์ และแอนิเมชันไทย ผ่านโครงการ Content Lab 2024 ปีที่ 2 ดันคอนเทนต์ไทยสู่ตลาดสากล

กระแส ‘Hallyu’ หรือ ‘Korean Wave’ อาจเคยครองใจผู้ชมทั่วโลก แต่ปัจจุบัน ‘คอนเทนต์ไทย’ กำลังผงาดขึ้นมาท้าชนอย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์วายที่โด่งดังไปทั่วเอเชียและแถบอเมริกาใต้ เช่น คั่นกู, SOTUS The Series พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง, แฟนผมเป็นประธานนักเรียน ฯลฯ จนสื่อระดับโลกอย่าง The Economist และ Nikkei จับตาซีรีส์วายของไทยมีศักยภาพเติบโตเทียบเท่าวงการ ‘K-POP’ ของประเทศเกาหลีใต้ หรือแม้กระทั่งภาพยนตร์ผีไทยที่สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ชมในประเทศและต่างประเทศ เช่น ร่างทรง หนังผีไทยจากการร่วมมือกันระหว่าง GDH ประเทศไทย และ SHOWBOX ค่ายหนังจากประเทศเกาหลีใต้, แดนสาป The Cursed Land ที่ได้เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ อย่างเทศกาลภาพยนตร์ Bucheon International Film Festival ที่ประเทศเกาหลีใต้ และเทศกาล New York Asian Film Festival เป็นต้น รวมถึงภาพยนตร์ หลานม่า ที่กวาดรายได้ทั่วเอเชียกว่า 1,000 ล้านบาท และ วิมานหนาม ที่ได้รับเลือกให้ฉายเป็น International Premiere ณ เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโต 2567 ที่ประเทศแคนาดา ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมคอนเทนต์ไทยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและโอกาสครั้งสำคัญที่รออยู่เบื้องหน้าว่า ‘อุตสาหกรรมคอนเทนต์ไทย’ อาจเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยนำทุนทางวัฒนธรรมของไทย ส่งออกไปสู่สายตาของผู้ชมทั่วโลกได้อย่างมหาศาล

นอกจากนี้ ‘อุตสาหกรรมคอนเทนต์ไทย’ ยังเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ของไทยสู่สายตาชาวต่างชาติ หากสำรวจในมุมของเศรษฐกิจ ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Information Center: CIC) โดย CEA ในปี 2564 พบว่าอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของประเทศไทย ในกลุ่มอุตสาหกรรมคอนเทนต์ ได้แก่ การกระจายเสียง ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ การพิมพ์ และซอฟต์แวร์ (เกมและแอนิเมชัน) มีมูลค่าสูงถึง 100,000 ล้านบาท ดังนั้นหากคอนเทนต์ของไทยได้รับการพัฒนาให้มีศักยภาพยิ่งขึ้น อาจมีแนวโน้มเป็นอุตสาหกรรมดาวรุ่งที่เติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องได้

ตลอดจนช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อธุรกิจในภาคส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในด้านการท่องเที่ยว อาหาร แฟชั่น ฯลฯ และด้วยศักยภาพของบุคลากรไทยที่สามารถรังสรรค์ผลงานที่เต็มไปด้วยความโดดเด่น ผสานความคิดสร้างสรรค์ และการนำเสนอคอนเทนต์ที่ตรงใจและหลากหลาย ยิ่งทำให้เชื่อมโยงความรู้สึกกับผู้บริโภคได้ตรงจุดมากขึ้น ส่งผลให้คอนเทนต์ไทยสามารถเรียกกระแสผู้ชมในประเทศให้เพิ่มขึ้น ตลอดจนได้รับความนิยมจากตลาดโลกและสามารถขยายฐานผู้ชมในต่างประเทศได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก

โปรเจ็กต์ “Content Lab 2024” ปีที่ 2 ครอบคลุมการผลักดันตั้งแต่บุคลากรสร้างสรรค์ ‘ภาพยนตร์’ ‘ซีรีส์’ ‘แอนิเมชัน’ สู่การเชื่อมต่อโอกาสการเจรจาทางธุรกิจในเชิงพาณิชย์

สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ในฐานะองค์กรหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทย ได้ริเริ่มจัดทำโครงการ ‘Content Lab’ ขึ้นเป็นครั้งแรกขึ้นเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา เพื่อมุ่งยกระดับทักษะของนักผลิตคอนเทนต์ไทยให้มีศักยภาพในการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศเป้าหมายในระดับสากล ผ่านการอบรมเชิงลึก การบรรยาย และการปฏิบัติจริง รวมถึงมอบโอกาสให้ทีมผู้เข้าร่วมได้นำเสนอโครงการของตนเองกับนักลงทุน และเป็นการต่อยอดโอกาสทางธุรกิจต่อไปในอนาคต โดยหลังจากเปิดตัวโครงการ ‘Content Lab’ ได้รับเสียงตอบรับในเชิงบวกจากบุคลากรและกลุ่มธุรกิจในอุตสาหกรรมได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากพันธมิตรในอุตสาหกรรมคอนเทนต์ทั้งในและต่างประเทศ มีผู้เข้าร่วมโครงการที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาและดำเนินโครงการของตนเอง ตลอดจนมีทีมที่เข้าร่วมโครงการในกลุ่มภาพยนตร์และซีรีส์ (Film & Series) จำนวน 13 ทีม ได้มีโอกาสร่วมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) กับสตูดิโอ ค่ายหนัง ผู้ผลิตภาพยนตร์และซีรีส์ และสตรีมมิ่งแพลตฟอร์มชั้นนำในระดับประเทศ และต่างประเทศกว่า 30 ราย

จากจุดเริ่มต้นที่แข็งแกร่งสู่เป้าหมายที่ใหญ่กว่าเดิม ในปีนี้ CEA จึงได้สานต่อความสำเร็จ จัดทำโครงการ ‘Content Lab 2024’ สร้างสรรค์คอนเทนต์ไทย ดันไกลสู่สากล ที่ขยายโครงการเพื่อพัฒนาทักษะนักสร้างสรรค์ในสเกลที่กว้างขึ้น ผ่าน Incubation Programs เพื่อพัฒนาหลักสูตรการบ่มเพาะให้เข้ากับความต้องการของอุตสาหกรรมคอนเทนต์มากขึ้น รวมทั้งการขยายหลักสูตรที่ลงลึกในแต่ละสาขา ประกอบด้วย โครงการย่อยบ่มเพาะ 4 โครงการและโครงการสร้างโอกาสทางธุรกิจ 1 โครงการ ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ ดังนี้

· Content Lab: Newcomers โครงการพัฒนาบุคลากรคนทำหนังรุ่นใหม่ทั่วประเทศ ให้พร้อมสำหรับการผลิตคอนเทนต์ในการเข้าสู่อุตสาหกรรมคอนเทนต์ไทย ซึ่งโครงการจะคัดเลือกนักทำหนังและซีรีส์หน้าใหม่จากทั้ง 3 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคเหนือ โดยผู้สมัครที่ผ่านการคัดเลือกจะได้เข้าร่วมกิจกรรมบ่มเพาะทั้งสิ้น 8 วัน พร้อมกับเมนเทอร์ที่ดูแลโปรเจ็กต์ในแต่ละภาค ก่อนจะนำเสนอผลงานในรอบ Final Pitch ต่อคณะกรรมการเพื่อรับทุนพัฒนา จำนวนภาคละ 5 รางวัล รางวัลละ 20,000 บาท ซึ่งปัจจุบันโครงการได้เดินทางมาถึงโปรเจ็กต์ภาคเหนือเป็นภาคสุดท้าย

· Content Lab: Mid-Career โครงการพัฒนาโปรเจ็กต์ภาพยนตร์และซีรีส์ สำหรับบุคลากรวิชาชีพระดับกลางในสายโปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ และนักเขียนบทให้มีทักษะและชั้นเชิงเพื่อตอบรับกับเทรนด์ตลาด โดยปัจจุบันโครงการได้มีการคัดเลือกเสร็จไปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่ง 10 ทีมสุดท้ายที่ได้รับเลือกจะมีโอกาสได้นำเสนอ Pitch Package และ Video Pilot กับนักลงทุนเพื่อการผลิตเชิงพาณิชย์ ในกิจกรรม Content Project Market ที่มีกำหนดจัดขึ้นในเดือนตุลาคมนี้
· Content Lab: Animation โครงการพัฒนาโปรเจ็กต์เฉพาะด้านแอนิเมชันที่ CEA ร่วมมือกับสมาคมผู้ประกอบการแอนิเมชันและคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ไทย (TACGA) โดยผู้ที่ผ่านการอบรมจำนวน 10 ทีม จะได้รับประกาศนียบัตร พร้อมทุนสำหรับการพัฒนา Pitch Deck จำนวน 100,000 บาท พร้อมได้รับสิทธิ์ในการนำเสนอโปรเจ็กต์กับนักลงทุนในงาน Content Project Market ในเดือนตุลาคม 2567 และทุนสนับสนุนค่าเดินทางเพื่อสร้างเครือข่ายและนำเสนอผลงานกับนักลงทุนในตลาดคอนเทนต์ต่างประเทศช่วงเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน 2567 เช่น Kre8tif ที่มาเลเซีย, Taiwan Creative Content Fest (TCCF) และ Asian Animation Summit (AAS) ที่ไต้หวัน ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีโอกาสชิงทุนเพิ่มเติมสำหรับการพัฒนาโปรเจ็กต์ Pilot Animation รางวัลละ 125,000 บาท จำนวน 3 ทุนอีกด้วย


· Content Lab: Advanced Scriptwriting โครงการพัฒนาทักษะการเขียนบทสำหรับมืออาชีพ โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญทั้งจากในไทยและต่างประเทศ ล่าสุดได้ประกาศผลผู้ผ่านการคัดเลือกไปเป็นที่เรียบร้อย โดยขั้นต่อมาผู้เข้ารอบจะได้พบนักเขียนบทระดับมืออาชีพ เช่น คุณ Kim Hyomin นักเขียนบทคุณภาพ ที่มาพร้อมประสบการณ์สอนเขียนบทในวงการภาพยนตร์และซีรีส์ของเกาหลีใต้ และคุณ Choi Ran นักเขียนบทสายสืบสวนสอบสวน ที่จะมาร่วมบอกเล่าประสบการณ์ พร้อมเรื่องราวแรงบันดาลใจ ตลอดจนเทคนิค และเคล็ดลับในการสร้างตัวละครที่น่าจดจำ ต่อด้วยคลาสเรียนพิเศษเพื่อเพิ่มทักษะการจัดทำ Pitch Deck การนำเสนอผลงาน ตลอดจนการพัฒนาบทให้ตอบโจทย์ในเชิงพาณิชย์และเหมาะสมต่อการเจรจาททางธุรกิจ และคลาสเรียนสุดท้ายกับมาสเตอร์คลาสที่เปิดโอกาสให้ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และเทคนิคจากผู้เชี่ยวชาญ ก่อนจะนำเสนอผลงานต่อคณะกรรมการ เพื่อคัดเลือก 20 ผลงานที่จะได้เข้าร่วมใน Content Project Market เป็นลำดับต่อไป

· และโครงการสร้างโอกาสทางธุรกิจ Content Project Market โครงการที่เป็นเหมือนตลาดซื้อขายคอน
เทนต์ของไทยครั้งใหญ่ ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมโครงการ Content Lab: Mid-Career, Content Lab: Animation และ Content Lab: Advanced Scriptwriting รวมทั้งนักสร้างสรรค์ในสายงานจากภายนอก ได้นำเสนอโครงการต่อนักลงทุนและภาคธุรกิจ โดย 20 โปรเจ็กต์ภาพยนตร์ ซีรีส์ และแอนิเมชันที่มีศักยภาพในการผลิตเชิงพาณิชย์และผ่านการคัดเลือกจะได้ โอกาสในการร่วมเจรจาธุรกิจและนำเสนอผลงานกับนักลงทุนตัวจริงในอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศกว่า 50 ราย ในงาน Content Project Market 2024 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 24-25 ตุลาคม 2567 ณ True Digital Park (East) ชั้น 6

ดร. ชาคริต พิชญางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ กล่าวว่า โครงการ Content Lab 2024 ในปีนี้ ได้ขยายขอบเขตการพัฒนาทักษะนักสร้างสรรค์ให้กว้างขึ้น เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ซีรีส์ และแอนิเมชันของไทย ตลอดจนเปิดโอกาสให้นักสร้างสรรค์ไทยได้แสดงความสามารถในระดับนานาชาติและร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้เติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างรายได้อย่างยั่งยืน พร้อมกันนี้เชื่อมั่นว่า Content Lab จะเป็นโครงการต้นแบบในการพัฒนานักสร้างสรรค์ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และซีรีส์ ได้แก่ โปรดิวเซอร์ นักเขียนบท และผู้กำกับ ให้มีทักษะและความรู้เพื่อตอบโจทย์และสามารถแข่งขันได้ในตลาดสากล ตลอดจนสร้างเครือข่ายผู้ผลิตคอนเทนต์ไทยให้เติบโตในระดับโลกต่อไป

สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ Content Lab 2024 ได้ที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ Content Lab รวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ ของ CEA ได้ที่เว็บไซต์ www.cea.or.th

0 Shares

CEA ร่วมกับคณะอนุก.ก.ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านดนตรี สร้างปรากฏการณ์ Thai Music Wave พาศิลปินไทยดังไกลระดับโลก

CEA ร่วมกับคณะอนุก.ก.ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านดนตรี
สร้างปรากฏการณ์ Thai Music Wave พาศิลปินไทยดังไกลระดับโลก

อุตสาหกรรมดนตรีทั่วโลกกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยในปี 2566 มีมูลค่าตลาดรวมสูงถึง 28.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 9.6 แสนล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึงร้อยละ 10.2 ในขณะที่อุตสาหกรรมดนตรีของไทยพบว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยในปี 2566 มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 108 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ หรือราว 3.6 พันล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 จากปีก่อนหน้า ที่น่าสนใจคือกระแส T-Pop ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยมีศิลปินคนไทยรุ่นใหม่หลายคนสร้างชื่อเสียงในตลาดสากล เช่น ลิซ่า Blackpink/LLoud แบมแบม GOT7 ที่มีแฟนคลับทั่วโลกและเอเชีย วง 4EVE ที่กำลังสร้างกระแสในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ รวมถึงบิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล, เจฟ ซาเตอร์, KIKI ฯลฯ

รวมทั้งหมด ยังมีภูมิ วิภูริศ ศิลปินและนักแต่งเพลงชาวไทย ที่สื่อระดับโลกอย่าง Rolling Stone ยกให้เป็นศิลปินน่าจับตามอง จนได้รับความสนใจจากเวทีดนตรีระดับโลกมากขึ้น และกลายเป็นหนึ่งในศิลปินไทยมีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ

นอกจากศิลปินไทยที่สร้างกระแส T-Pop ให้คึกคักแล้ว ประเทศไทยยังมีการจัดเทศกาลดนตรีมากมายที่เปิดโอกาสให้ศิลปินทั้งไทยและต่างประเทศได้แสดงศักยภาพและดึงดูดผู้สนใจจากทั่วโลกมาเยือน เช่น Big Mountain Music Festival, CAT Expo, Monster Music Festival, Longlay Beach Life Festival, Wonderfruit, S2O Songkran Music Festival, Very Festival, Maho Rasop Festival ฯลฯ เทศกาลเหล่านี้ไม่เพียงสร้างพื้นที่ให้ศิลปินไทยได้แสดงความสามารถ แต่ยังดึงดูดศิลปินและนักดนตรีระดับโลกมาร่วมงาน ส่งผลให้อุตสาหกรรมดนตรีไทยมีความหลากหลายและมีศักยภาพในการเติบโตสู่ระดับสากลสูงยิ่งขึ้น

ตามรายงานการศึกษาสินค้าดนตรีของไทยมีศักยภาพที่จะส่งออกขยายสู่ตลาดต่างประเทศ อย่างไรก็ตามธุรกิจค่ายเพลง ศิลปินนักดนตรีของไทยที่เป็นผู้ประกอบการขนาดรายย่อย ขนาดกลางและขนาดย่อม ยังมีข้อจำกัดด้านเงินทุนในการขยายตลาดไปสู่ผู้บริโภคในต่างประเทศ และยังไม่มีหน่วยงานใดให้การสนับสนุนเช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่มีศักยภาพในการส่งออก ด้วยเหตุนี้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ในฐานะหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศ จึงได้ริเริ่มโครงการ Music Exchange โดยร่วมกับคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านดนตรี เพื่อขับเคลื่อนและยกระดับอุตสาหกรรมดนตรีไทยสู่เวทีโลกอย่างเป็นรูปธรรม สอดคล้องกับนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ โครงการประกอบด้วย 2 กิจกรรมหลัก ได้แก่ 1) กิจกรรม PUSH ที่มุ่งผลักดันศิลปินไทยสู่เทศกาล

ดนตรีระดับนานาชาติ เพื่อนำร่องการสนับสนุนให้ศิลปินนักดนตรีของไทยที่ได้รับการตอบรับเข้าแสดงผลงานเพลงในเทศกาลดนตรีระดับนานาชาติในให้สามารถเดินทางไปร่วมเทศกาลได้ และ 2) กิจกรรม PULL ที่ดึงดูดผู้จัดและบุคลากรสำคัญในอุตสาหกรรมดนตรีโลกให้เข้ามาสัมผัสวงการดนตรีของประเทศไทย

ดร. ชาคริต พิชญางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เปิดเผยว่า “โครงการ Music Exchange จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2567 และเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ มุ่งสร้างกระแส ‘Thai Music Wave’ ให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ โดย CEA สนับสนุนให้ศิลปินไทยที่มีศักยภาพทั้งแบบเดี่ยวและวง ไม่จำกัดแนวดนตรี เพื่อไปแสดงบนเวทีระดับนานาชาติ 80 ศิลปิน/วง ขณะเดียวกันโครงการยังดึงดูดผู้จัดงานเทศกาลดนตรีนานาชาติกว่า 75 ราย ให้มารับชมผลงานของศิลปินไทย ผ่านการจัดกิจกรรม Business Matching and Networking ระหว่างผู้จัดงานเทศกาลดนตรีในต่างประเทศกับผู้จัดงานของไทย เพื่อสร้างโอกาสและเครือข่ายทางธุรกิจร่วมกัน โดยเน้นดึงดูดผู้จัดจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สหภาพยุโรป และอเมริกา”

สำหรับการดำเนินงานของโครงการ Music Exchange ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีการส่งเสริมและสนับสนุนให้ศิลปินไทยได้รับโอกาสแสดงผลงานและศักยภาพในเทศกาลดนตรีระดับนานาชาติมากมาย เช่น One Music Camp 2024 ประเทศญี่ปุ่น, SXSW Sydney 2024 ประเทศออสเตรเลีย, AXEAN Festival 2024 ประเทศอินโดนีเซีย, Zandari Festa ประเทศเกาหลีใต้, Taipei City Idol Expo ที่ไต้หวัน และ Outbreak Winter Fest ประเทศอังกฤษ โดยตัวอย่างความสำเร็จของศิลปินไทยที่สร้างชื่อเสียงในเวทีนานาชาติผ่านโครงการนี้ ได้แก่ วง Pretzelle ที่ได้ไปแสดงในเทศกาล Taipei City Idol Expo ที่ไต้หวัน เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ชมชาวไต้หวันและผู้เข้าชมเป็นอย่างดี แสดงให้เห็นศักยภาพของดนตรีไทยในการเจาะตลาดต่างประเทศ พร้อมตอกย้ำวัตถุประสงค์ของโครงการในการสร้างโอกาสให้กับศิลปินไทยบนเวทีระดับนานาชาติ
นอกจากนี้ CEA พร้อมเดินหน้าแผนการส่งเสริมและขยายตลาดสำหรับศิลปินไทยในอนาคต ผ่านการสร้างความร่วมมือกับผู้จัดงานเทศกาลดนตรีชั้นนำในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสและเป็นอีกหนึ่งช่องทางให้ศิลปินไทยได้แสดงศักยภาพในเวทีระดับนานาชาติมากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าว่าภายในปี 2568 จะสามารถส่งศิลปินไทยเข้าร่วมเทศกาลดนตรีระดับนานาชาติได้มากกว่า 100 การแสดง ครอบคลุมภูมิภาคเอเชีย ยุโรป และอเมริกา

“เราเชื่อมั่นว่าโครงการ Music Exchange จะเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมดนตรีไทยสู่ตลาดโลก สอดคล้องกับนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ ซึ่งไม่เพียงสร้างชื่อเสียงให้ศิลปินไทยเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในสายตาชาวโลก ทั้งยังสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยได้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป” ดร. ชาคริต กล่าวทิ้งท้าย

ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ Music Exchange และกิจกรรมอื่น ๆ ของ CEA ได้ที่เว็บไซต์ www.cea.or.th และเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/CreativeEconomyAgency

 

0 Shares

D Dance Thailand คว้า Yu Dowook แดนเซอร์ดังจากเกาหลีใต้

D Dance Thailand คว้า Yu Dowook แดนเซอร์ดังจากเกาหลีใต้

จัดฟรีเวิร์กช็อป “DANCE TO BE FREE” สร้างแรงบันดาลใจให้นักเต้นไทยแบบเอ็กซ์คลูซีพ

D Dance Thailand สถาบันพัฒนาศิลปินชั้นนำของเมืองไทย โดย ครูอู๋-เปรมจิตต์ อำนรรฆมณี สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญให้กับวงการเต้นอีกครั้งกับงานฟรีเวิร์กช็อปสุดพิเศษ “DANCE TO BE FREE” ที่ได้คว้าตัว Yu Dowook แดนเซอร์และนักออกแบบท่าเต้นชื่อดังชาวเกาหลีใต้ ที่เคยร่วมงานกับศิลปินชื่อดังระดับโลกอย่าง เจนนี่ BLACKPINK และผลงานล่าสุด Dance Director ให้กับวง WayV มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมครั้งนี้

บรรยากาศภายในงาน “DANCE TO BE FREE” ที่จัดขึ้น ณ Sphere Gallery ชั้น 2 ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ เต็มไปด้วยความคึกคักของเหล่าบรรดาสายแดนซ์ผู้ที่ชื่นชอบการเต้นจากทั่วประเทศ ผู้สนใจและได้ลงทะเบียนมาเพื่อเรียนรู้เทคนิคการเต้นแบบมืออาชีพจาก Yu Dowook อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งได้รับฟังประสบการณ์และเคล็ดลับต่างๆ จากแดนเซอร์หนุ่มมากความสามารถรายนี้แบบเอ็กซ์คลูซีฟสุด ๆ โดยมีน้องมะลิ – พาขวัญ สหวงษ์ และอดีตแดนเซอร์เท้าไฟ โอ – อนุชิต สพันธุ์พงษ์ โชว์สเต็ปร่วมเต้นเวิร์กช็อปครั้งนี้ด้วย นอกจากนั้นยังมีศิลปินและนักแสดงจากสังกัดค่ายชั้นนำ อาทิ Meepoh วง Fli:p ,Change Artist ,IDX Entertainment ,Rookie Official , และคณะครูผู้ออกแบบท่าเต้น จาก Dance Studio ต่าง ๆ มาร่วมสร้างสีสัน

ครูอู๋-เปรมจิตต์ อำนรรฆมณี ผู้ก่อตั้งสถาบัน D DANCE THAILAND กล่าวว่า “เราต้องการเปิดโอกาสให้กับคนไทยผู้รักการเต้นได้มาพัฒนาศักยภาพและทักษะด้านการเต้นจากผู้เชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์ ซึ่งการได้ร่วมงานกับ Yu Dowook ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของ D Dance Thailand ที่จะช่วยยกระดับวงการเต้นของไทยให้ก้าวไปสู่ระดับสากลมากยิ่งขึ้น”
นอกจากนี้ ครูอู๋-เปรมจิตต์ ยังได้เล่าถึงวัตถุประสงค์หลักของการจัดกิจกรรมครั้งนี้ว่า “ D Dance ต้องการให้เวิร์กช็อปครั้งนี้เป็นมากกว่าการเรียนเต้น แต่เป็นการสร้างแรงบันดาลใจ ปลดปล่อยตัวตนและความคิดสร้างสรรค์ให้กับทุกคน เราเชื่อว่าการเต้นมีความหมายกับทุกคนมาก นอกจากเป็นการพัฒนาทักษะของร่างกายให้มีศักยภาพไร้ขีดจำกัด และศิลปะชั้นยอดที่จะช่วยให้เราสื่อสาร ถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกออกมาอย่างเป็นตัวตนของเราแท้จริง”

ด้าน Yu Dowook เผยว่า “รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากที่ได้มาร่วมกิจกรรมกับ D Dance Thailand ในวันนี้ โดยตั้งใจที่จะนำประสบการณ์การและเทคนิคด้านการเต้นมาแชร์ให้กับน้อง ๆ ที่มาร่วมเวิร์กช็อปและหวังว่าทุกคนจะได้รับความรู้และสนุกกับกิจกรรมในวันนี้”

การจัดงาน “DANCE TO BE FREE” ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ D Dance Thailand ที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาศิลปินไทย และเป็นการตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำในวงการเต้นของประเทศไทย สำหรับใครที่พลาดโอกาสในครั้งนี้ สามารถติดตามรายละเอียดของกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ได้ที่เฟสบุ๊ค DDanceThailand
#DDanceThailand #DanceToBeFree #YuDowook #KpopDance #DanceWorkshop #DDanceXDOW

0 Shares

สวธ. เป็นเจ้าภาพจัดประชุม International Content Forum เสริมสร้างความร่วมมืออุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ระดับโลก

สวธ. เป็นเจ้าภาพจัดประชุม International Content Forum เสริมสร้างความร่วมมืออุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ระดับโลก

เมื่อวันที่ 1 ก.ย. นายประสพ เรียงเงิน อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) เป็นประธานเปิดงานประชุม International Content Forum ซึ่งจัดขึ้นที่ห้อง Meeting Room ชั้น 7 ศูนย์การค้าไอคอนสยาม

โดยมีนางสาวลิปิการ์ กำลังชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ผู้บริหารระดับสูงจากอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์จากหลากหลายประเทศ อาทิ สหราชอาณาจักร สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ประเทศมาเลเซีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ประเทศญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี พร้อมด้วยผู้แทนกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล และกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เข้าร่วมการประชุมแลกเปลี่ยนมุมมองต่างๆในการดำเนินงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเกมนานาชาติและอุตสาหกรรมเกมในประเทศไทย

ในการเปิดประชุม นายประสพ ได้กล่าวต้อนรับและขอบคุณผู้บริหารและแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมงาน โดยได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ระหว่างประเทศ พร้อมเสนอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่แข็งแกร่งในการแลกเปลี่ยนทรัพยากร เทคโนโลยี และความรู้ เพื่อผลักดันการผลิตผลงานที่มีคุณภาพ ตอบสนองความต้องการของผู้ชมทั่วโลก และสร้างรายได้ให้แก่ประเทศของตน

0 Shares

ศูนย์ฯ สิริกิติ์ ขับเคลื่อนชีวิตแบบแอคทีฟไลฟ์สไตล์ ส่งมอบโรงกีฬามาตรฐาน สร้างสังคมสุขภาพดี

ศูนย์ฯ สิริกิติ์ ขับเคลื่อนชีวิตแบบแอคทีฟไลฟ์สไตล์ ส่งมอบโรงกีฬามาตรฐาน สร้างสังคมสุขภาพดี

ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ร่วมกับ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และโครงการเดอะ ปาร์ค ส่งมอบโรงกีฬามาตรฐานสากลแห่งใหม่ ใจกลางสวนเบญจกิติให้แก่กรุงเทพมหานคร ส่งเสริมการออกกำลังกาย และยกระดับคุณภาพชีวิตคนกรุงเทพฯ ผ่าน 3 กีฬาสำคัญ โยคะ วอลเลย์บอล และจักรยานสปินนิ่งไบค์ ที่มาพร้อมอุปกรณ์ทันสมัย เชิญชวนคนกรุงฯ ใช้เวลาว่างไปกับการออกกำลังกาย สร้างสุขภาพที่ดี และสังคมที่ดีไปด้วยกัน

นายสุรพล อุทินทุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กล่าวว่า “การปรับปรุงโรงกีฬา 3 ศูนย์กีฬาเบญจกิติ ให้เป็นสนามมาตรฐานสำหรับการเล่นโยคะ วอลเลย์บอล และจักรยานสปินนิ่งไบค์ จำนวน 50 คัน พร้อมด้วยอุปกรณ์กีฬาที่ทันสมัย และครบครัน คือหนึ่งในความตั้งใจของศูนย์ฯ สิริกิติ์ ไทยเบฟเวอเรจ และเดอะ ปาร์ค ในการส่งมอบสังคมสุขภาพดีให้กับประชาชน พร้อมทั้งสนับสนุนให้คนกรุงเทพฯ มีทางเลือกในการทำกิจกรรมในพื้นที่สาธารณะมากขึ้น นอกจากนี้ การสนับสนุนด้านกีฬายังมีบทบาทสำคัญ ในการเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากร ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน”

พ.อ.อ. นัฐพงษ์ เกษาพันธ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย เสริมว่า “ทางสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย โดยท่านนายกสมาคมฯ ‘คุณสมพร ใช้บางยาง’ ได้ให้คำแนะนำในสร้างสนามวอลเลย์บอล ในโรงกีฬา 3 ว่าควรมีขนาด อุปกรณ์ ตลอดจนพื้นสนามชนิดใดที่เหมาะสม เพื่อช่วยป้องกันการบาดเจ็บ ในมุมของผมเอง มองว่า สมัยเด็กผมไม่มีโอกาสได้เล่นในสนามที่มีมาตรฐาน ต้องหาอุปกรณ์มาทำเสา และตาข่ายเอง แต่ด้วยความกระหายที่จะเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอล นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมได้ติดทีมชาติ และตอนนี้เรามีโรงกีฬาที่ได้มาตรฐานจากการสนับสนุนของทุกฝ่าย ต้องขอบคุณมาก ๆ เพราะสนามที่สร้างขึ้นนี้มีคุณภาพมาตรฐาน สามารถฝึกทุกทักษะที่จำเป็นสำหรับวอลเลย์บอลได้ครบถ้วน ผมเชื่อว่าในอนาคต หากเด็ก ๆ และเยาวชนได้ใช้สนามนี้ พวกเขาจะพัฒนาทักษะ และความสามารถของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม”

ด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการรับมอบโรงกีฬาว่า “กรุงเทพมหานครมุ่งมั่นพัฒนาสุขภาพประชาชนอย่างต่อเนื่อง ‘ศูนย์กีฬาเบญจกิติ’ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่รวมกีฬาไว้หลากหลาย เช่น บาสเกตบอล พิคเคิลบอล แบดมินตัน และฟุตซอล ในช่วงเริ่มพัฒนาโรงกีฬา 3 ทาง กทม. ได้รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนว่า ต้องการพื้นที่สำหรับสปินนิ่งไบค์ วอลเลย์บอล และโยคะ ซึ่งเป็นกีฬายอดนิยม แต่ยังขาดสนามที่จะรองรับกีฬา 3 ประเภทนี้ เราจึงพัฒนาร่วมกันจนสำเร็จ ปัจจุบันศูนย์กีฬาแห่งนี้มีผู้ใช้บริการมากถึงหมื่นคนต่อสัปดาห์ ช่วยส่งเสริมสุขภาพกาย และใจของประชาชน ผู้สนใจสามารถจองคิวล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชันได้อย่างสะดวกสบาย”

ด้วยทำเลที่โดดเด่นของศูนย์ฯ สิริกิติ์ ซึ่งเชื่อมโยงกับสวนเบญจกิติ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่พร้อมรองรับผู้ที่มาออกกำลังกายที่สวนเบญจกิติ ไม่ว่าจะเป็น Sports Zone ที่ให้บริการอุปกรณ์กีฬา คลินิก และฟิตเนสเฉพาะ รวมถึงบริการห้องอาบน้ำ Shower Station นอกจากนี้ ยังมีโซนร้านค้า ร้านอาหาร และเครื่องดื่มมากมาย เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรักสุขภาพ และการออกกำลังกาย รองรับการใช้ชีวิตแบบแอคทีฟไลฟ์สไตล์ของคนกรุงเทพฯ

สำหรับประชาชนที่ต้องการมาออกกำลังกายที่โรงกีฬา 3 ศูนย์กีฬาเบญจกิติ สามารถเข้าใช้บริการได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย และเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05:00 – 22:00 น. โดยสามารถจองใช้บริการผ่านแอปพลิเคชัน CSTD Smart Member หรือติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทาง Facebook: Benchakitti Sports Center

0 Shares

สวธ. MOU เสริมสร้างวัฒนธรรมผ่านเนื้อหาของสื่อ ร่วมกับ สนง.คณะก.ก.จัดระดับสื่อแห่งเกาหลี

สวธ. MOU เสริมสร้างวัฒนธรรมผ่านเนื้อหาของสื่อ ร่วมกับ สนง.คณะก.ก.จัดระดับสื่อแห่งเกาหลี

ในงาน Thailand International Game Showcase 2024ตั้งเป้ายกระดับอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ของประเทศไทย

เมื่อวันที่ 31 ส.ค.กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กับ สำนักงานคณะกรรมการจัดระดับสื่อแห่งสาธารณรัฐเกาหลี (KMRB) ร่วมพิธีลงนามMOU ในงานมหกรรมเกมนานาชาติ Thailand International Game Showcase 2024 ระหว่าง นายประสพ เรียงเงิน อธิบดีสวธ. (DCP) กับ Mr. Lee Ui jun Secretary-General KMRB ผู้บริหารKMRB โดยมี นางพิมพ์ใจ ลี้อิสสระนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ผู้แทนจากกลุ่มเกม นายสิทธิชัย เทพไพฑูรย์ กลุ่มแฟชั่น นายปณิธาน ปวโรฬารวิทยา กลุ่มจังหวัด
นายอภิภพ พึ่งชาญชัยกุล และ กลุ่มอาหาร นายกำธร ศิลาอ่อน พร้อมเครือข่ายวัฒนธรรม ร่วมเป็นสักขีพยาน ที่ทรู ไอคอน ฮอลล์ ชั้น 7 ศูนย์การค้าไอคอนสยาม

นายประสพ กล่าวว่า ความร่วมมือกับKMRB ในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกระทรวงวัฒนธรรม โดยสวธ. ในการส่งเสริมวัฒนธรรมไทยออกสู่สายตาชาวโลก และสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งประเทศไทยจะได้เรียนรู้วิธีการทำงานและแนวคิดใหม่ๆ จากนานาชาติ และนำมาปรับใช้เพื่อพัฒนางานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และการร่วมมือกัน จะช่วยให้ผลงานของคนไทยเข้าถึงผู้ชมที่หลากหลาย และนำไปสู่โอกาสทางธุรกิจ เช่น การร่วมกันผลิตสื่อ หรือการจัดจำหน่ายผลงานร่วมกัน

ทั้งนี้ สวธ.หวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือกับ KMRBในครั้งนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ในราชอาณาจักรไทย เพื่อยกระดับความเป็นสากลมากยิ่งขึ้น
ภายหลังพิธี MOU ต่อด้วยการเสวนา Thailand Content Forum : THACCA (Soft Power) ในหัวข้อ
แนวทางการขับเคลื่อนประเทศไทยผ่านอุตสาหกรรมเกมและอุตสาหกรรมอื่นๆ เพื่อเชื่อมโยงให้เกมเป็น Soft Power ที่สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่สายตานานาชาติ โดยผู้แทนจากสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประกอบด้วย กลุ่มเกม กลุ่มแฟชั่น กลุ่มจังหวัด และกลุ่มอาหาร

นายประสพ กล่าวว่า งานเสวนา Thailand Content Forum นี้ หัวข้อของการเสวนามีเป้าหมายเพื่อเชื่อมโยงให้เกมเป็น Soft Power ที่สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทย ไปสู่สายตานานาชาติ ซึ่งเป็นหัวข้อที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศ และการสร้างสรรค์อัตลักษณ์ของชาติ Soft Power เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับ ประเทศ ช่วยส่งเสริมวัฒนธรรม ประเพณี และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับต่างชาติ ด้วยสื่อภาพยนตร์และวีดิทัศน์เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลัง ในการสื่อสารและเผยแพร่ Soft Power ของประเทศ ดังนั้น ผู้ประกอบการและที่เกี่ยวข้องที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อน Soft Power ของประเทศ ที่ได้สร้างสรรค์ผลงานมีคุณภาพ ไม่เพียงแต่จะสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมแต่ยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยไปสู่สายตาชาวโลกอีกด้วย


งานมหกรรมเกมนานาชาติ ระหว่างวันที่ 30 ส.ค. ถึง 1 ก.ย. มีกิจกรรมที่น่าสนใจหลากหลาย ประกอบด้วย 6 กิจกรรม ดังนี้ 1.Thai Board Game และ Thai Game Card โดยเปิดพื้นที่ให้ผู้เข้าร่วมงานได้ทดลองเล่นเกมกระดานที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย อย่างเกมการ์ดฝีมือคนไทย Summoner Master (ซัม-มอน-เนอร์-มาส-เตอร์) และผู้ประกอบการด้านบอร์ดเกม อย่าง Board Game Academy

2.Thai and International PC และ Mobile Game ร่วมสัมผัสประสบการณ์เกมระดับโลก ให้ทดลองเล่นเกม PC และมือถือ อย่างเกม Black Desert Online 3.Game Developer เพื่อสำรวจโลกของการสร้างเกมโดย Game Developer Gathering เครือข่ายผู้พัฒนาเกมไทย ยกทัพเกมไทยกว่า 30 เกมมาสร้างสีสันให้ทดลองเล่น 4.E-Sport Player ,E-Sport Backstage และ University เพื่อสัมผัสความสามารถของนักกีฬาอีสปอร์ตระดับมืออาชีพอย่าง Talon (ทา-ลอน) เรียนรู้เบื้องหลังการจัดการแข่งขัน และค้นพบโอกาสทางการศึกษาที่จะพาคุณสู่ความสำเร็จในอุตสาหกรรมเกม 5.Cosplay ร่วมสนุกกับการแต่งตัวเป็นตัวละครโปรดในสไตล์คอสเพลย์
6.การสัมมนานานาชาติด้านเกม (TIGS Forum) โดยมี Speaker จากต่างประเทศมาบรรยายและแลกเปลี่ยนแนวทางการส่งเสริมเกมสู่เวทีโลก

นอกจากกิจกรรมหลักแล้ว พลาดไม่ได้กับความบันเทิงในงานทั้ง 3 วัน อาทิ Mini concert กิจกรรม Idol on stage โชว์สุดพิเศษจากกลุ่มศิลปินแนวสดใสน่ารักกำลังเป็นที่นิยมในวงการบันเทิงไทย Mini concert จากวง ATLAS กิจกรรม Cosplay Interview พูดคุยสัมภาษณ์พิเศษกับ Cosplay ที่มีชื่อเสียงของไทย และในวันสุดท้าย พบกับ Mini concert สุดพิเศษโดยวง Bowky Lion ฯลฯ

0 Shares

แอ๊ด คาราบาว ลุยซ้อมหนัก!!! เสริมทัพด้วยเครื่องดนตรีคลาสสิค

แอ๊ด คาราบาว ลุยซ้อมหนัก!!! เสริมทัพด้วยเครื่องดนตรีคลาสสิค

พร้อมจัดเต็ม 45 เพลง
ใน “ADD BAO ACOUSTIC CONCRET” 5 ต.ค.นี้ ที่ธันเดอร์โดม

“แอ๊ด คาราบาว” ทุ่มเทเวลาฝึกซ้อมอย่างหนัก เพื่อเตรียมพร้อมมอบความความสุข ความประทับใจ รวมทั้งความทรงจำที่สวยงามร่วมกันกับแฟนเพลง ทุกคน ในคอนเสิร์ตครั้งสำคัญ ADD BAO ACOUSTIC CONCRET (แอ๊ด บาว อะคูสติก คอนเสิร์ต) ที่กำลังจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 5 ต.ค.นี้ ที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี ซึ่งคอนเสิร์ตครั้งนี้ แอ๊ด คาราบาว นั่งแท่นควบตำแหน่งโชว์ไดเรกเตอร์ เผยว่า “ ตอนนี้เตรียมผลงานเพลงที่แต่งไว้มาแสดงสดอย่างน้อย 45 บทเพลง

ช่วงแรกคัดสรร 30 บทเพลงมาเรียงร้อยเล่าเรื่องราวแห่งบทเพลง พร้อมเรียบเรียงดนตรีใหม่ในสไตล์ดนตรีอะคูสติค เพิ่มเติมความละมุนในบทเพลงด้วยเครื่องดนตรีคลาสสิค อาทิ เชลโล่, ดับเบิ้ลเบส ฯลฯ และในช่วงท้ายผมจัดเต็มความสนุกด้วย 15 บทเพลงโจ๊ะสามช่าในสไตล์ของคาราบาวไม่ให้แฟนเพลงผิดหวังแน่นอน” ซึ่งผู้จัดอย่าง “ล้อมวงมันส์ Fun Network” จัดเต็มโปรดักชั่นให้สมจริง เนรมิตธันเดอร์โดม เมืองทองธานี ให้เป็นบรรยากาศแคมป์ปิ้งสุดอบอุ่น

ADD BAO ACOUSTIC CONCRET (แอ๊ด บาว อะคูสติก คอนเสิร์ต) จำหน่ายบัตรแล้วทาง Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ และเว็บไซต์ AllTicket บัตรราคา 1500 , 3000 และ 4000 บาท พิเศษเฉพาะบัตร 4,000 ได้รับเสื้อที่ระลึก ADD BAO ACOUSTIC ที่หน้างาน ติดตามรายละเอียดได้ทางแฟนเพจ ล้อมวงมันส์ Fun Network แฟนเพลง แอ๊ด คาราบาว ไม่ควรพลาด

0 Shares

สวยหล่อ-เหล่าดาราดังตบเท้าเดินแฟชั่นโชว์ “มหกรรมแสดงผลิตภัณฑ์วิสาหกิจชุมชนและสินค้าราษฎรบนพื้นที่สูง”

สวยหล่อ-เหล่าดาราดังตบเท้าเดินแฟชั่นโชว์“มหกรรมแสดงผลิตภัณฑ์วิสาหกิจชุมชนและสินค้าราษฎรบนพื้นที่สูง”

ทับทิม อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์ นำทีมเหล่าดารา นางแบบ อาทิ รัก สุลักษมิ์ ศิริภัทรพงศ์ ตะวัน ณวินวิชญ์ กิตติชนวิทย์ ส้ม ธัญสินี พรมสุทธิ์ ฟิล์ม กรรญกฤต อรรควงษ์ เปียโน ณิชาภัทร มิว ฐปณัฐฑ์ นักแสดงพร้อมด้วยเหล่านางแบบ อินฟลูเอนเซอร์ อีกมากมาย รวมทั้งเจ้าแม่แฟชั่นอย่างคุณธันยลักษณ์ พรหมมณี มาร่วมพิธีเปิดงาน “มหกรรมแสดงผลิตภัณฑ์วิสาหกิจชุมชนและสินค้าราษฎรบนพื้นที่สูง” เทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง “ใต้ร่มพระบารมี พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” จัดโดย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ

นำเสนอผลิตภัณฑ์สิ่งทอและหัตถกรรมจากชาติพันธุ์บนพื้นที่สูง ลวดลาย และสีสันในรูปแบบของการปัก การเย็บ และการตกแต่งด้วยวัสดุต่าง ๆ ที่มีเอกลักษณ์ของราษฎรบนพื้นที่สูง จำนวน 10 ชาติพันธุ์ ได้แก่ กะเหรี่ยง ม้ง เมี่ยน ลาหู่ ลีซู อาข่า ลัวะ ถิ่น ขมุ และมลาบรี อันแสดงให้เห็นถึงความงดงาม ความละเอียดอ่อน ความประณีต รวมทั้งความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบลวดลาย

สำหรับหนดะบกำหนดจัดงานขึ้นระหว่างวันที่ 22 – 24 ส.ค. ที่เซ็นทรัลเวิลด์ไลฟ์ ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร ภายใต้แนวคิด “ใต้ร่มพระบารมี อัตลักษณ์วิถีชาติพันธุ์ วิสาหกิจชุมชนสร้างสรรค์ ผลักดันสวัสดิการยั่งยืน”

0 Shares

สวธ.แจ้งการบำเพ็ญกุศล ครูเพลงลูกกรุง ชรินทร์ นันทนาคร ศิลปินแห่งชาติ

สวธ.แจ้งการบำเพ็ญกุศล ครูเพลงลูกกรุง ชรินทร์ นันทนาคร ศิลปินแห่งชาติ

นายประสพ เรียงเงิน อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) เปิดเผยว่า นายชรินทร์ นันทนาคร ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล – ขับร้อง) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๔๑ ได้ถึงแก่กรรมอย่างสงบ เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๙ มี.ค.ที่ผ่านมา สิริอายุ ๙๑ ปี ณ โรงพยาบาลตำรวจ เวลาประมาณ ๐๒.๒๓ น. หลังเข้ารับการรักษามานานหลายเดือนด้วยโรคชรา โดยเลขานุการแจ้งว่า จะมีกำหนดการบำเพ็ญกุศลศพ ดังนี้ พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ในวันพุธที่ ๒๑ ส.ค. เวลา ๑๗.๐๐ น. สวดพระอภิธรรม เวลา ๑๘.๐๐ น. และกำหนดสวดพระอธิธรรมระหว่างวันที่ ๒๒-๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๗ เวลา ๑๘.๓๐ น. ณ ศาลา ๙ วัดธาตุทอง เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร โดยในส่วนของพิธีพระราชทานเพลิงศพจะแจ้งให้ทราบต่อไป

อธิบดีสวธ. เปิดเผยอีกว่า สวธ. ในฐานะหน่วยงานที่ดำเนินการยกย่องเชิดชูเกียรติศิลปินแห่งชาติ เผยแพร่ผลงานให้เป็นที่ประจักษ์แล้ว ในกรณีศิลปินแห่งชาติเสียชีวิต จะได้รับสวัสดิการช่วยเหลือตามกฎกระทรวงกำหนดสาขา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือก และประโยชน์ตอบแทนของศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๕ ดังนี้ มอบเงินช่วยเหลือเมื่อเสียชีวิตเพื่อร่วมการบำเพ็ญกุศลศพ จำนวน ๒๐,๐๐๐ บาท ค่าเครื่องเคารพศพ ๓,๐๐๐ บาท และค่าจัดทำหนังสือเพื่อเผยแพร่ผลงานเมื่อเสียชีวิตเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน ๑๕๐,๐๐๐ บาท ด้วย
สำหรับประวัติของ ชรินทร์ เกิดเมื่อวันที่ ๑ ก.พ. ๒๔๗๖ ที่จ.เชียงใหม่ และได้เข้ามาศึกษาต่อที่อัสสัมชัญ คอมเมิร์ส กรุงเทพฯ เป็นนักกีฬาฟุตบอลและรักบี้ของโรงเรียน แต่ประสบอุบัติเหตุจนต้องเลิกเล่นกีฬาทุกชนิด จึงหันมาฝึกหัดการร้องเพลง กับ นายไศล ไกรเลิศ ครูเพลงไทยสากลคนสำคัญในยุคนั้น จนได้บันทึกแผ่นเสียงเพลง “ดวงใจในฝัน” เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๔ จากนั้นก็ได้บันทึกแผ่นเสียงอีกเป็นจำนวนมาก อาทิ เพลงนกเขาคู่รัก สัญญารัก ง้อรัก เชื่อรัก เรือนแพ แสนแสบ ท่าฉลอม หยาดเพชร ผู้ชนะสิบทิศ ทาสเทวี อาลัยรัก ข้าวประดับดิน ฯลฯ


เกียรติยศที่ได้รับ อาทิ รางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทานจากเพลง “อาลัยรัก” ได้รับรางวัล กิติคุณสัมพันธ์ “สังข์เงิน” สาขาใช้ศิลป์สร้างสรรค์ให้เกิดความรักชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเป็นผู้ริเริ่มและร่วมสร้างสรรค์เพลง “สดุดีมหาราชา” นายชรินทร์ เป็นนักร้องเพลงไทยสากลที่มีเอกลักษณ์การขับร้องเพลงเป็นของตนเองในแบบฉบับของเพลงไทยเดิมผสมผสานกับเพลงไทยสากลที่มีท่วงทำนองสูงต่ำ เอื้อนด้วยนำเสียงที่พลิ้วมีเสน่ห์ชวนฟัง ออกเสียงอักขระได้ชัดเจน เป็นนักร้องที่ใช้น้ำเสียงสร้างศิลปะการขับร้องให้แก่ประชาชนมาอย่างยาวนาน ผลงานเป็นอมตะสืบสานมาจนปัจจุบัน นายชรินทร์ ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นักร้องเพลงไทยสากล) เมื่อปี พุทธศักราช ๒๕๔๑

0 Shares

เหล่าศิลปินแห่งชาติ ผ่องศรี วรนุช ชาย เมืองสิงห์ ชัยชนะ บุณนะโชติ ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี วินัย พันธุรักษ์ สุดา ชื่นบาน

เหล่าศิลปินแห่งชาติ ผ่องศรี วรนุช ชาย เมืองสิงห์ ชัยชนะ บุณนะโชติ ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี วินัย พันธุรักษ์ สุดา ชื่นบาน

นำทัพนักร้องรุ่นใหม่ ขึ้นเวที มหกรรมการแสดงสานต่องานศิลป์ศิลปินแห่งชาติ เพื่อเฉลิมพระเกียรติในหลวง รัชกาลที่ 10 และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 9 ส.ค. ที่หอประชุม มหาวิทยาลัยราชภัฏ(มรภ.)จันทรเกษม
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม(สวธ.)กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.)ร่วมกับสำนักศิลปะและวัฒนธรรมมรภ.จันทรเกษม จัดการแสดงคอนเสิร์ต “มหกรรมการแสดงสานต่องานศิลป์ศิลปินแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา” และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 ส.ค. โดยนางนวลพรรณ ล่ำซำ ประธานกรรมการกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม เป็นประธานนำถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อม ศาสตราจารย์ ดร.วีรชาติ เปรมานนท์ นายกสภามรภ.จันทรเกษม นายประสพ เรียงเงิน อธิบดีสวธ. น.ส.ลิปิการ์ กำลังชัย รองอธิบดีสวธ. พร้อมผู้บริหาร และคณะกรรมการกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม โดยมีศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงนำศิลปินนักร้องรุ่นใหม่ ร่วมถวายความเคารพอย่างพร้อมเพรียง

นางนวลพรรณ กล่าวว่า นับเป็นวาระมงคลยิ่งที่พสกนิกรจะได้ร่วมเฉลิมพระเกียรติ แสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงพระราชกรณียกิจเพื่อธำรงไว้ซึ่งมรดกทางศิลปวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของชาติ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม และสำนักศิลปะและวัฒนธรรม มรภ.จันทรเกษม ในฐานะหน่วยงานที่ทำหน้าที่ทำนุบำรุง สนับสนุน ส่งเสริม ศิลปวัฒนธรรมของชาติ จึงได้ร่วมกันจัดการแสดงคอนเสิร์ต “มหกรรมการแสดงสานต่องานศิลป์ศิลปินแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา” ขึ้น เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเฉลิมพระเกียรติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมทั้ง ส่งเสริมให้ศิลปินแห่งชาติ ศิลปินพื้นบ้าน และศิลปินรุ่นใหม่ ได้มีโอกาสแสดงออกถึงอัตลักษณ์ทางศิลปะการแสดงเพลงลูกทุ่ง เพลงลูกกรุง และการแสดงพื้นบ้าน 4 ภาค เผยแพร่สู่สาธารณชน ในวงกว้างต่อไป
การแสดงคอนเสิร์ตเริ่มด้วยการบรรเลงขลุ่ย เพลงพระราชนิพนธ์โดย ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี ศิลปินแห่งชาติ ต่อด้วยการแสดงเพลงราชภัฏราชภักดิ์ โดยนักศึกษามรภ.จันทรเกษม การแสดงพื้นบ้าน 4 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ “สานศิลป์เทิดไท้องค์ราชัน” โดยคณะกาสลองผลัดถิ่น ภาคกลาง “แหล่ มหาชาติ


พระเวสสันดร ตอน ชูชกเข้าขอกัณหาชาล โดยคณะทศพล หิมพานต์ และน้องผักบุ้ง ภาคอีสาน การแสดงชุดเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา และชุดม่วนซื่นโฮแซว แนวอีสาน สนุกสนานกับ “หมอลำประยุกต์” โดยคณะ
แม่ครูราตรี ศรีวิไล (ศิลปินแห่งชาติ) ภาคใต้ “รองเง็ง การแสดงพื้นบ้าน จ.ปัตตานี” โดยคณะอีรามา อัสลี
(E-rama Assalee Band) จากนั้นเป็นการแสดงเพลงลูกกรุง นำโดย วินัย พันธุรักษ์ สุดา ชื่นบาน ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ร่วมด้วย อรวี สัจจานนท์ สรวีย์ ธนพูนหิรัญ (ผิงผิง แชมป์ The Golden Song 2) ปิดท้ายด้วยการแสดงเพลงลูกทุ่ง โดย ขวัญข้าว ธิดารินทร์ แม่ผ่องศรี วรนุช ศิลปินแห่งชาติ


ปานชีวา มนต์สิริ ชาย เมืองสิงห์ และ ชัยชนะ บุณนะโชติ ศิลปินแห่งชาติ ซึ่งในช่วงท้ายเป็นการแสดงบทเพลง อย่าลืมเมืองไทย เพื่อรำลึกถึงการจากไปของ นายสมส่วน พรหมสว่าง (เพลิน พรหมแดน) ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทย ลูกทุ่ง) พ.ศ. 2555 อีกด้วย

0 Shares