คลังเก็บหมวดหมู่: การศึกษา

ม.เกษตรฯกับ กรุงเทพมหานคร ร่วมมือผลิตบัณฑิตแพทย์เสริมทักษะองค์ความรู้ด้านเวชศาสตร์ชุมชน

ม.เกษตรฯกับ กรุงเทพมหานคร
ร่วมมือผลิตบัณฑิตแพทย์เสริมทักษะองค์ความรู้ด้านเวชศาสตร์ชุมชน

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(มก.) ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ ด้านวิชาการ การวิจัย และการบริการวิชาการ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในการร่วมพัฒนาบัณฑิตแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ในการแก้ปัญหาความขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศ และพัฒนาระบบการจัดการเรียนรู้ด้านแพทยศาสตร์ศึกษาให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย โดยบูรณาการกับการพัฒนาระบบบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข สร้างเสริมสุขภาพของประชาชน เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่อาคารสารนิเทศ 50 ปี มก. โดยดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ อธิการบดีมก. มอบหมายให้ รศ.ดร.สมหวัง ขันตยานุวงศ์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาวิทยาศาสตร์สุขภาพและเขตพื้นที่สุพรรณบุรี เป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือทางวิชาการ โอกาสนี้ นายชาตรี วัฒนเขจร รองปลัดกรุงเทพมหานคร ให้เกียรติร่วมเป็นสักขีพยาน ผู้ลงนามได้แก่ รศ.พล.อ.ชุมพล เปี่ยมสมบูรณ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มก. นพ.สุนทร สุนทรชาติ ผู้อํานวยการสํานักอนามัย และ นางดวงพร ปิณจีเสคิกุล รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย

​ รศ.พล.อ.ชุมพล กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้เพื่อการพัฒนาและขับเคลื่อนด้านการสาธารณสุขของประเทศ พัฒนาองค์ความรู้และทักษะในการปฏิบัติงานของนิสิตคณะแพทยศาสตร์ มก. ตั้งแต่ระดับชั้นปรีคลินิก จนถึงชั้นคลินิก ให้เรียนรู้ในบริบทของชุมชน เขตเมือง และได้เรียนรู้ในบริบทของชุมชนเขตพื้นที่การเกษตร ทั้งฝั่งตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่ทำไร่ทำนา และในส่วนของฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็นพื้นที่แปลงผัก ไม้ดอก ไม้ประดับ สวนผลไม้ และเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ นอกจากนี้ นิสิตแพทย์ยังได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์จริงกับผู้ป่วยในชุมชน ทั้งการสังเกตและตรวจรักษาผู้ป่วยนอก

พร้อมทั้งร่วมทำวิจัยอย่างใกล้ชิด ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักอนามัยและศูนย์บริการสาธารณสุข กรุงเทพมหานครหลักสูตรคณะแพทยศาสตร์ มก. มีอัตลักษณ์ด้านเวชศาสตร์การเกษตรและชีวนวัตกรรม นิสิตต้องสัมผัสพื้นที่จริงในกรุงเทพมหานคร เราสำรวจแล้วว่าในเขตปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร ฝั่งตะวันออก มีนบุรี ลาดกระบัง คลองสามวา จะมีพื้นที่ของการเกษตรอยู่ โดยเฉพาะการทำนา ประชาชนยังมีอาชีพเกษตรกรรมอยู่ ส่วนฝั่งตะวันตก บางขุนเทียน บางบอน ประชาชนก็ยังทำการเกษตร ได้แก่การปลูกพืชไร่ พืชสวน ฟาร์มสัตว์น้ำ ซึ่งเหมาะสำหรับนิสิตที่จะไปหาประสบการณ์โดยตรง ในบริบทของวิทยาศาสตร์การเกษตรไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อมอาหาร แล้วก็โรค โดยเฉพาะโรคสัตว์สู่คนซึ่งมาจากระหว่างการทำเกษตรกรรม แล้วก็เป็นการปูพื้นฐานนิสิตจะเข้าฝึกในพื้นที่และเตรียมงานวิจัย จะอยู่ในชั้นปีที่ 3 เพราะฉะนั้นเมื่อขึ้นชั้นปีที่ 4 , 5, 6 ก็จะมีพื้นฐานและทักษะในการออกพื้นที่ ซึ่งเรามีศูนย์แพทย์ที่ให้ความร่วมมืออยู่ 2 ศูนย์ คือที่จ.สุพรรณบุรีแล้วก็ที่จ.สกลนคร นิสิตก็จะมีความรู้พื้นฐานไปต่อยอดในการลงพื้นที่ของศูนย์แพทย์ได้ต่อไป

​นอกจากนี้การเรียนรู้ในศาสตร์ของเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ มก. ก็จะสอนให้นิสิตทำงานวิจัยเกี่ยวกับชุมชนนอกจากการออกพื้นที่ในในเขตรอบนอกของกรุงเทพมหานครแล้ว ก็จะให้ความรู้ในการพัฒนาชุมชนรอบมหาวิทยาลัยลัยหรือว่าชุมชนในเมือง เพราะว่าโรคจะต่างกันในในเมืองก็อาจจะเป็นโรคที่พบกันบ่อยเช่นโรคNCDs ส่วนในเขตเกษตรกรรมเกษตรก็จะเป็นโรคที่เกิดจากการประกอบเกษตรกรรม


​ด้าน นพ.สุนทร กล่าวว่า สำนักอนามัยต้องการเสริมสร้างความร่วมมือในการร่วมพัฒนาบัณฑิตแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในการแก้ไขปัญหาความขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศ และเพื่อพัฒนาความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาการและการวิจัย การส่งเสริมการดูแลสุขภาพประชาชนในกรุงเทพมหานคร จึงมีความยินดีและพร้อมสนับสนุนการเพิ่มพูนองค์ความรู้และทักษะในการปฏิบัติงานการบริการสุขภาพในบริบทการแพทย์ปฐมภูมิ ซึ่งเป็นด่านแรกของการดูแลผู้ป่วยและประชาชนในลักษณะองค์รวม ครอบคลุมทั้งการรักษาพยาบาล การป้องกันโรคการส่งเสริมสุขภาพ และการฟื้นฟูสภาพร่างกาย ตลอดจนครอบคลุมการให้บริการในสถานพยาบาลและดูแลสุขภาพประชาชนในชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมย์ของการผลิตบัณฑิตแพทย์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่มุ่งเน้นให้มีทักษะและองค์ความรู้ในการปฏิบัติงาน การบริการ พัฒนาชุมชนพื้นที่กรุงเทพมหานคร ให้เพิ่มศักยภาพการดูแลสุขภาพประชาชนที่สอดคล้องกับบริบทในพื้นที่มากยิ่งขึ้น

“จากการที่หารือร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เรามีพื้นที่เป้าหมายใน 3 ลักษณะ ลักษณะแรกก็คือเป็นพื้นที่ชุมชนเมือง ในเขตบางเขนกับเขตจตุจักรซึ่งจะอยู่ใกล้ๆกับมหาวิทยาลัย และเป็นโซนที่ประชาชนประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช่น มีนบุรี ลาดกระบัง คลองสามวา หนองจอก อีกส่วนหนึ่งก็จะเป็นเกษตรกรรมประเภทประมง เช่น ทางฝั่งธนฯ สวนผลไม้ ตลิ่งชัน ทวีวัฒนา บางขุนเทียนต่างๆ ซึ่งในบริบทเหล่านี้ก็จะมีสภาพปัญหาทางด้านสุขภาพและการแพทย์ที่อาจจะมีความแตกต่างกันเพราะฉะนั้นในส่วนเหล่านี้เราก็เตรียมศูนย์บริการสาธารณสุขให้เป็นแหล่งเรียนรู้ของนิสิตของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เพื่อฝึกฝนด้านการแพทย์ชุมชนต่อไป”

​รศ.ดร.สมหวัง กล่าวว่า มก.ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนด้านแพทยศาสตรศึกษาให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย โดยบูรณาการร่วมกับการพัฒนาระบบบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข การสร้างเสริมสุขภาพของประชาชน และการพัฒนาความ
ร่วมมือกับหน่วยงานและองค์กร ความร่วมมือในครั้งนี้นิสิตแพทย์ของ มก. จะได้ไปเรียนรู้ระบบการให้บริการทางสาธารณสุขของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นองค์ความรู้และประสบการณ์ที่จำเป็นสำหรับนิสิตแพทย์ทุกคนที่จะใช้ในการประกอบอาชีพในอนาคต ในครั้งนี้เป็นการเป็นก้าวแรกของการร่วมมือกันระหว่ากรุงเทพมหานครกับมก.

จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคตอันใกล้เราจะขยายความร่วมมือไปยังคณะอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ เช่น คณะพยาบาลศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ คณะเทคนิคการสัตวแพทยศาสตร์ และคณะต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น คณะเภสัชศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์

​นายชาตรี กล่าวถึงนโยบายด้านสาธารณสุขในภาพรวมว่า นโยบายขับเคลื่อนการพัฒนาด้านการสาธารณสุขของกรุงเทพมหานครนั้นมุ่งหวังให้ประชาชนมีสุขภาพดี ด้วยการยกระดับบริการที่เชื่อมโยงไร้รอยต่อตั้งแต่ระดับเส้นเลือดฝอยให้เข้มแข็งเพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพที่หลากหลายช่องทาง พัฒนาศักยภาพศูนย์บริการสาธารณสุข เพิ่มจำนวนศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ และศูนย์เวชศาสตร์เขตเมืองให้ครอบคลุมภายใต้การพัฒนานวัตกรรมการรักษาพยาบาลและเทคโนโลยีสุขภาพที่ทันสมัย ตลอดจน
มีการส่งเสริมกิจกรรมสุขภาพสำหรับคนทุกกลุ่ม เพื่อลดภาวะการเจ็บป่วยและสร้างสุขภาพดีถ้วนหน้าของประชาชน ให้มีความสมบูรณ์พร้อมทั้งทางสุขภาพกาย สุขภาพจิต และสุขภาพทางสังคม

หนึ่งในการพัฒนาด้านสาธารณสุขของกรุงเทพมหานครที่สำคัญคือ การพัฒนาบริการตั้งแต่ระดับเส้นเส้นเลือดฝอยหรือการสร้างระบบสุขภาพปฐมภูมิที่มีความเข้มแข็ง เพื่อให้ด่านแรกของการบริการด้านสาธารณสุขที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ มีความพร้อมและมีคุณภาพ การส่งเสริมและพัฒนาให้หน่วยบริการปฐมภูมิมีความเข้มแข็ง ต้องมีการดำเนินงานที่ร่วมมือกันในหลายภาคส่วนและร่วมมือกันเป็นเครือข่ายทั้งในด้านวิชาการและการลงมือปฏิบัติ

0 Shares

รองปลัด อว.และคณะลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในพื้นที่จ.เชียงราย

รองปลัด อว.และคณะลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในพื้นที่จ.เชียงราย

นำอาหารและน้ำดื่ม สิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นมอบศูนย์พักพิงชั่วคราว มรภ.เชียงราย บ้านปางลาว บ้านป่ากุก และ อบต.แม่ข้าวต้ม เผย “ศุภมาส” รมว.กระทรวง อว.ห่วงใยพี่น้องประชาชน สั่งระดมช่วยเต็มที่ ชู มรภ.เชียงราย ต้นแบบบริหารจัดการในภาวะวิกฤติดีเยี่ยม

เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมด้วย นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) นายวันนี นนท์ศิริ ผู้ช่วยปลัดกระทรวง อว. นางพจมาน ท่าจีน รองอธิบดี วศ. และคณะทำงานฝ่ายบรรเทาภายใต้ศูนย์ปฏิบัติการสถานการณ์น้ำท่วม “อว.เพื่อประชาชน” ได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ จ.เชียงราย

จุดแรกได้เดินทางไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย มหาวิทยาลัยราชภัฎ(มรภ.)เชียงราย โดยนำน้ำดื่ม 12,564 ขวด ถุงยังชีพ 689 ชุด ข้าวพร้อมทาน 640 ชุด แกงมัสมั่นพร้อมทาน 48 ชุด ข้าวสาร 1,306 ชุด น้ำนมงาขาว/งาดำ 1,080 กล่อง ชุดอาหารแห้งและยา 60 ชุด ผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหาร 276 กระป๋อง เวย์โปรตีน 300 ผลิตภัณฑ์โอเลี้ยง/ชาดำ 120 ขวด ขนมแลแปลากระปิอง 381 แพ็ค ที่นอนยางพารา 11 ผืน ผลิตภัณฑ์กันยุง 837 ชิ้น เจลแอลกอฮอล์ 100 ขวด MTV-Wash 100 ขวด น้ำอิเล็คโตรไลซ์สำหรับฆ่าเชื้อ 200 แกลลอน ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อชนิดเข้มข้น 120 ขวด หน้ากากอนามัย 5,000 ชิ้น ไปมอบให้ศูนย์ฯ ดังกล่าว เพื่อแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชน จากนั้น ได้เดินทางไปเยี่ยมประชาชนที่ประสบภัย ที่บ้านปางลาว บ้านป่ากุก และ อบต.แม่ข้าวต้ม เพื่อนำถุงยังชีพ ยาและเวชภัณฑ์ และข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นไปมอบให้

ศ.ดร.ศุภชัย กล่าวว่า น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.กระทรวง อว.มอบหมายให้ตนและคณะลงพื้นที่ เนื่องจากมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนใน จ.เชียงราย ที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์น้ำท่วม และได้สั่งระดมความช่วยเหลือจากทุกหน่วยงานในกระทรวง อว.และประสานความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายและภาคส่วนต่างๆ รวบรวมสิ่งของบริจาคทั้งเครื่องอุปโภค บริโภค ยาและเวชภัณฑ์ ของใช้ที่จำเป็น ฯลฯ ส่งมาให้ประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อน พร้อมกับมอบหมายให้เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจและสนับสนุนการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยขณะนี้ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว มรภ.เชียงราย มีผู้ที่ได้รับผลกระทบมาพักอาศัยเป็นจำนวนกว่า 1,000 คน ซึ่งทางมหาวิทยาลัยได้จัดระบบการดูแลและบริหารจัดการเป็นอย่างดี ถือเป็นโมเดลต้นแบบสำหรับสถาบันอุดมศึกษาอื่นๆ ในการจัดระบบบริหารจัดการเพื่อรองรับและดูแลพี่น้องประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลังจากนี้จะมีการถอดบทเรียนให้สถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่อื่นๆ ได้เตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ประสบภัยได้อย่างเป็นระบบต่อไป

0 Shares

สอศ.จัดใหญ่! เปิดหลักสูตร ‘R Smart Leader’ สร้างผู้บริหารมืออาชีพ

สอศ.จัดใหญ่! เปิดหลักสูตร ‘R Smart Leader’ สร้างผู้บริหารมืออาชีพ

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการ “ผู้บริหารยุคใหม่ R Smart Leader มืออาชีพ” ครั้งที่ 2 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-13 ก.ย. ที่โรงแรมประสานสุข วิลล่า บีช รีสอร์ท จ.นครศรีธรรมราช โดยมีศูนย์ประชาสัมพันธ์และเสริมสร้างภาพลักษณ์อาชีวศึกษาร่วมกับวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุราษฎร์ธานีเป็นผู้ดำเนินการจัดการอบรม สำหรับการอบรมในครั้งนี้มี ดร.นิรุตต์ บุตรแสนลี ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์และเสริมสร้างภาพลักษณ์อาชีวศึกษา และผู้บริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษา 45 คน เข้าร่วม

นายสิริพงศ์ กล่าวในพิธีเปิดว่า การอบรมครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาทักษะด้านการสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ของผู้บริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษา ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับการอาชีวศึกษาไทย และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเรียนสายอาชีพให้กับสังคม ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกระทรวงศึกษาธิการในการยกระดับคุณภาพการศึกษาสายอาชีพ และการเตรียมความพร้อมให้กับผู้บริหารสถานศึกษาในการรับมือกับความท้าทายในยุคดิจิทัล ซึ่งจะส่งผลดีต่อการพัฒนาการศึกษาและการผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต นอกจากนี้ ยังมุ่งหวังให้ผู้เข้าร่วมอบรมสามารถเป็นผู้ผลิตข้อมูลข่าวสารและสื่อในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความน่าเชื่อถือ อันจะนำมาสู่ภาพลักษณ์ที่ดีของอาชีวะอย่างยั่งยืน และพร้อมเป็นผู้บริหาร R Smart Leader มืออาชีพอย่างมีคุณภาพและประสบความสำเร็จ

ดร.นิรุตต์ กล่าวว่า การอบรมครั้งนี้จัดขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้การนำของพลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการศธ. ซึ่งมีการขับเคลื่อนงานพัฒนาอาชีวศึกษา 8 วาระ โดยวาระที่ 8 คือการเสริมสร้างภาพลักษณ์อาชีวศึกษา วัตถุประสงค์ของการอบรมคือ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้รับองค์ความรู้และแนวทางด้านการประชาสัมพันธ์ ได้รับการพัฒนาทักษะ ความรอบรู้ สมรรถนะ กระบวนการคิดและการนำเสนอ ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ รวมถึงการรู้เท่าทันสื่อ การรู้ทันข่าวปลอม การมีจริยธรรม การรู้เท่าทันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับหน่วยงาน

การอบรมครั้งนี้ได้รับความอนุเคราะห์จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่าน ได้แก่ พันตำรวจเอกกิตติศักดิ์ เที่ยงกมล รองผู้บังคับการช่วยราชการกองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญกรรมทางเทคโนโลยี 1 กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญกรรมทางเทคโนโลยี ให้ความรู้ด้านข่าวสารไซเบอร์และการรับมือข่าวเท็จ ดร.นันท์วิสิทธิ์ ตั้งแสงประทีป อาจารย์ประจำหลักสูตรการสร้างสรรค์คอนเทนต์และสื่อ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ที่จะมาสร้างความรู้เรื่องการสร้างตัวตนและการนำเสนอ วิทยากรพิเศษที่เป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ชื่อดัง พ่อมด TikTok ที่จะมาให้ความรู้และเทคนิคด้านการตัดต่อ การถ่ายภาพ และการผลิตคอนเทนต์ โดยมีเนื้อหาการอบรมครอบคลุมหัวข้อสำคัญ เช่น กระบวนการเรียนรู้การใช้งานสื่อโซเชียลมีเดีย การสร้างเนื้อหาในการนำเสนอและออกแบบองค์กรยุคใหม่ การสร้างพื้นที่ปลอดภัย การรับมือและรู้เท่าทันข่าว รวมถึงการถ่ายทอดประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ

0 Shares

กระทรวง อว.ห่วงพี่น้องประชาชน “ศุภมาส” ปล่อยขบวนรถนำสิ่งของไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.เชียงราย

กระทรวง อว.ห่วงพี่น้องประชาชน “ศุภมาส” ปล่อยขบวนรถนำสิ่งของไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.เชียงราย

พร้อมนำความช่วยเหลือลงไปในทุกพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อน ผู้มีจิตศรัทธานำสิ่งของมาบริจาคได้ที่ศูนย์ปฎิบัติการ “อว เพื่อประชาชน” ชั้น 7 อาคารพระจอมเกล้า สำนักงานปลัดกระทรวง อว.

เมื่อวันที่ 13 ก.ย. น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้เดินทางเข้ากระทรวง อว. เพื่อปฏิบัติภารกิจในการปล่อยรถนำสิ่งของเพื่อไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคเหนือ พื้นที่ จ.เชียงราย ภายใต้ศูนย์ปฎิบัติการสถานการณ์น้ำท่วม “อว. เพื่อประชาชน” โดยมี นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวง อว. พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา ที่ปรึกษา รมว.อว. น.ส.สุชาดา แทนทรัพย์ เลขานุการ รมว.อว. และผู้บริหารกระทรวง อว. เข้าร่วม ที่บริเวณด้านหน้าอาคารพระจอมเกล้า กระทรวง อว. บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีหน่วยงานต่างๆ นำสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นมาร่วมขบวนเพื่อนำไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชน

น.ส.ศุภมาส กล่าวว่า ตนมีความเป็นห่วงสถานการณ์น้ำท่วมและเป็นห่วงพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จึงได้ระดมสรรพกำลังจากทุกหน่วยงานในกระทรวง อว. ภาคีเครือข่ายและภาคส่วนต่างๆ ในการนำสิ่งของอุปโภค บริโภค ยา เวชภัณฑ์ ตลอดจนเครื่องใช้ที่จำเป็นไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ อ.แม่สาย และ อ.เมือง จ.เชียงราย รวมถึงพื้นที่อื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบ โดยให้ อว.ส่วนหน้า จ.เชียงราย ไปดำเนินการแจกจ่ายให้ถึงมือประชาชนโดยเร็วที่สุดและจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ

รมว.อว. กล่าวต่อว่า การให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม กระทรวง อว. ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มเกิดอุทกภัยเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยตนได้สั่งการให้ผู้บริหารกระทรวง อว. ลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนที่ จ.สุโขทัย โดยประสานความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้าไปให้ความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นกองทัพโดรนเพื่อการบินสำรวจในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก และโดรนลำเลียงสิ่งของทั้งยา เวชภัณฑ์ อาหาร เครื่องอุปโภค~บริโภค เป็นต้น พร้อมเปิดแอพแจ้งเตือนภัยเพื่อเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำ ตลอดจนเปิดพื้นที่ของมหาวิทยาลัยให้เป็นศูนย์บรรเทาและพักพิงให้ผู้ได้รับผลกระทบ ครั้งนี้ก็เช่นกันที่กระทรวง อว.จะนำความช่วยเหลือไปถึงมือพี่น้องประชาชนใน จ.เชียงราย และในพื้นที่อื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบ โดยศูนย์ปฎิบัติการสถานการณ์น้ำท่วมของ อว.จะทำงานอย่างต่อเนื่อง และพร้อมนำความช่วยเหลือลงไปในทุกพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งหากผู้ใดมีจิตศรัทธาสามารถติดต่อนำสิ่งของมาบริจาคได้ที่ ศูนย์ปฎิบัติการสถานการณ์ “อว เพื่อประชาชน ” ชั้น 7 อาคารพระจอมเกล้า สำนักงานปลัดกระทรวง อว.

0 Shares

ว.นานาชาติอิสลามกรุงเทพ ม.เกริก จัดประชุมวิชาการนานาชาติ แลกเปลี่ยนมุมมองระหว่างวัฒนธรรมมุ่งรวมความหลากหลายให้เป็นหนึ่ง

ว.นานาชาติอิสลามกรุงเทพ ม.เกริก จัดประชุมวิชาการนานาชาติ แลกเปลี่ยนมุมมองระหว่างวัฒนธรรมมุ่งรวมความหลากหลายให้เป็นหนึ่ง

วิทยาลัยนานาชาติอิสลามกรุงเทพ โดย สำนักงานการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยเกริก ร่วมกับ สถาบันวะสะฏียะฮ์เพื่อสันติภาพและการพัฒนา สำนักจุฬาราชมนตรี สมาพันธ์ศิษย์เก่าอัล-อัซฮัรโลก สาขาประเทศไทย ศูนย์มุสลิมศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสมาคมมหาวิทยาลัยมุสลิมแห่งเอเชีย ร่วมจัดการประชุมวิชาการระดับนานาชาติครั้งที่ 2 หัวข้อ “การอยู่ร่วมกันของชนกลุ่มน้อยมุสลิมในกลุ่มประเทศ Non-Muslim States ในเอเชีย: เอกภาพ สันติภาพ การเคารพ และความเข้าใจซึ่งกันและกัน” ที่มหาวิทยาลัยเกริก เมื่อวันที่ 11 ก.ย.

โดยได้รับเกียรติจากท่านเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ประจำประเทศไทย ฮาละฮ์ ยูซุฟ อะห์มัด เราะญับ (H.E. Mrs. Hala Youssef Ahmed Ragab) เป็นประธานในการเปิดการประชุม โดยมี ผู้แทนระดับสูงจากสถานเอกอัครราชทูตปากีสถาน มาเลเซีย อินโดนีเซีย ลาว กาตาร์ อิหร่าน และญี่ปุ่น ตลอดจนนักวิชาการจามหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศกว่า 20 สถาบัน รวมกว่า 200 คนเข้าร่วมงานดังกล่าว

ทั้งนี้ ผศ.ดร.อับดุลเลาะ หนุ่มสุข ผู้ทรงคุณวุฒิจากจุฬาราชมนตรี ได้กล่าวปาฐกถานำพร้อมทั้ง กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการจัดประชุม ฯ ในครั้งนี้มี 2 ประการ คือ รวบรวมนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ มานำเสนอบทความ ผลงานทางวิชาการเรื่องการอยู่ร่วมกันของมุสลิมที่เป็นชนกลุ่มน้อยในอุษาคเนย์ หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว บรูไน สหพันธรัฐมาเลเซีย สาธารณรัฐสิงคโปร์ เป็นต้น ว่าการดำรงอยู่ของพี่น้องมุสลิมที่เป็นส่วนน้อยในประเทศต่าง ๆ ดำรงอยู่กันอย่างไร อีกทั้งระดมความคิดเห็น แลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลต่าง ๆ ทำความเข้าใจในการอยู่ร่วมกันของแต่ละประเทศ ซึ่งบทความ ข้อคิดเห็นที่นำมาประชุมในระดับนานาชาติครั้งนี้จะมีคุณค่าเพื่อการตีพิมพ์สู่สาธารณชนต่อไป

“อีกประการที่สำคัญ คือ ได้เผยแพร่ภาพการให้ความสำคัญต่อประชากรมุสลิมที่เป็นชนกลุ่มน้อย ผ่านการประชุมระดับนานาชาติ โดยวิทยาลัยนานาชาติอิสลามกรุงเทพ ม.เกริก เราได้เห็นความร่วมมือของพี่น้องมุสลิมจากหลากหลายประเทศ รวมถึงผู้แทนจากสถานทูตสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน รัฐกาตาร์ สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน สหพันธรัฐมาเลเซีย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้ให้เกียรติมาร่วมในพิธีเปิดวันนี้ เพื่อแสวงหาการอยู่ร่วมกันอย่างสันติภาพในสังคมพหุวัฒนธรรม (Multicultural Society) ซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มคนที่มีความหลากหลาย มีความแตกต่างกันทางด้านภาษา การแต่งกาย ศาสนา สังคม ประเพณี วัฒนธรรม ว่าการอยู่ในสังคมพหุวัฒนธรรมในเชิงบวก โดยเฉพาะในอุษาคเนย์จะกระทำได้อย่างไร มีประโยชน์มากมายเพียงใด” ผศ. ดร.อับดุลเลาะ กล่าว

ด้าน ศ.ดร.นพ. กระแส ชนะวงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกริก กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมีความมุ่งมั่นผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าทางการศึกษา ขยายขอบเขตการศึกษา พัฒนาองค์ความรู้ให้นักศึกษาเพื่อนำไปสู่การใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีคุณภาพ รวมทั้งมีความตั้งใจสนับสนุนการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างประเทศที่มีความแตกต่างทางด้านภาษา ศาสนา วัฒนธรรม เพื่อพัฒนาศักยภาพให้นักศึกษามีความรู้ ความเข้าใจในสังคมที่มีความหลากหลายและพร้อมจะอยู่ร่วมกัน ซึ่งมหาวิทยาลัยได้ก่อตั้งวิทยาลัยนานาชาติอิสลามกรุงเทพ ม.เกริก ในปี พ.ศ.2564 เพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาหลักสูตรในด้านต่าง ๆ เช่น วัฒนธรรม การเงินอิสลาม การเมือง และการศึกษาอิสลาม

“ล่าสุด มหาวิทยาลัยได้สนับสนุนการสนทนาระดับนานาชาติ จัดประชุมวิชาการระดับนานาชาติ ครั้งที่ 2 ผ่านการขับเคลื่อนของวิทยาลัยนานาชาติอิสลามกรุงเทพ ภายใต้หัวข้อการอยู่ร่วมกันของชนกลุ่มน้อยมุสลิมของกลุ่ม Non-Muslim States ในเอเชีย เอกภาพ สันติภาพ การเคารพ และความเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยได้เชิญคณะนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงจากทั้งในและต่างประเทศมาร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างกัน เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นของพลังนักวิชาการจากเอเชียที่จะส่งเสริมความเข้าใจระหว่างความหลากหลายทางวัฒนธรรม
นับเป็นอีกก้าวสำคัญของ ม.เกริก ในการพัฒนาความร่วมมือทางวิชาการและแลกเปลี่ยนมุมมองให้ครอบคลุมหลายมิติ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม อีกทั้งเป็นความพยายามที่จะนำความร่มเย็นสู่สังคมอีกทางหนึ่ง” อธิการบดี ม.เกริก กล่าว

ศ.ดร.จรัญ มะลูลีม คณบดีวิทยาลัยนานาชาติอิสลามกรุงเทพ กล่าวว่า การจัดประชุมระดับวิชาการนานาชาติ ครั้งที่ 2 นี้ นับเป็นหนึ่งในความร่วมมือทางด้านวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กับวิทยาลัยนานาชาติอิสลามกรุงเทพ ม.เกริก เพื่อขยายขอบฟ้าแห่งการเรียนรู้ให้กว้างขึ้น และได้รับความสนใจจากนักวิชาการหลากหลายประเทศโดยเฉพาะประเทศจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สมาชิกจากสมาคมมหาวิทยาลัยมุสลิมเอเชียซึ่งมีสมาชิกมากกว่า 80 มหาวิทยาลัย สื่อมวลชน และที่สำคัญคือเอกอัครราชทูตดังที่ผู้ทรงคุณวุฒิจากจุฬาราชมนตรีได้นำเรียนข้างต้น ร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น บทความทางวิชาการระหว่างกันถึงการอยู่ร่วมกันของชนกลุ่มน้อยในประเทศมุสลิม มาเข้าร่วมกว่า 300 ท่าน

ปัจจุบัน ม.เกริก มีนักศึกษาจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมากกว่า 5,000 คน นักศึกษามุสลิมไม่ต่ำกว่า 300 คน และเริ่มมีนักศึกษาจากประเทศทางแถบแอฟริกา เช่น สหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย สาธารณรัฐยูกันดา อีกทั้งจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สหพันธ์สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยเนปาล และอื่น ๆ เข้ามาศึกษาในมหาวิทยาลัย เราจึงต้องการขยายขอบเขตการศึกษา โดยเน้นหนักในหัวข้อของการอยู่ร่วมกันท่ามกลางความหลากหลาย แสวงหาความรู้ร่วมกัน เกิดความเข้าใจ มีความสุข และก่อเกิดสันติภาพไปพร้อมกันให้กับเยาวชนไทยและเยาวชนที่มาจากประเทศอื่น

ศ.ดร.จรัญ กล่าวสรุปในตอนท้ายว่า วิทยาลัยนานาชาติอิสลามกรุงเทพ มีหลักการพื้นฐานการเรียนการบริหารธุรกิจอิสลาม เช่น การเงินอิสลาม การเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ สินค้าฮาลาล ที่ทำรายได้ในแต่ละปีให้ประเทศไทยนับแสนล้านบาท อีกทั้งปัจจุบันมีธนาคารอิสลามอยู่ทั่วโลก ผลิตนักวิชาการเพื่อรองรับความหลากหลายนี้ เพื่อจะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความก้าวหน้าในการสร้างความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างโลกอิสลามกับประเทศไทยในที่สุด

0 Shares

อาชีวะ จัดกิจกรรมพัฒนาทักษะเยาวชนอาชีวศึกษาสู่การเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง

อาชีวะ จัดกิจกรรมพัฒนาทักษะเยาวชนอาชีวศึกษาสู่การเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง

เมื่อวันที่ 11 ก.ย. นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.)

เป็นประธานพิธีปิด เวทีแลกเปลี่ยน เรียนรู้และถอดบทเรียนการดำเนินงานกิจกรรมพัฒนาทักษะเยาวชนอาชีวศึกษาสู่การเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง พร้อมมอบเกียรติบัตร แก่สถานศึกษา 51 แห่ง ที่เข้าร่วมโครงการ จัดโดยสำนักมาตรฐานการอาชีวศึกษาและวิชาชีพ ร่วมกับ วิทยาลัยพณิชยการธนบุรี ที่โรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ต จ.ปทุมธานี

เลขาธิการ กอศ. กล่าวตอนหนึ่งว่า “ขอให้ทุกท่านที่ได้เข้าร่วมโครงการ ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้เป็นการถอดบทเรียนจากการศึกษา และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นแห่งเมล็ดพันธุ์ที่กล้าแข็งในการเติบโตไปในภายภาคหน้าทั้งในองค์กรของและหน่วยงานของรัฐและเอกชน สิ่งที่ได้รับจะเกิดประโยชน์ต่อตัวเอง ต่อสถานศึกษาแล้ว ขอให้ทุกท่านได้ส่งต่อดูแลและพัฒนาชุมชน ซึ่งครั้งนี้ไม่ใช่เวทีแรกที่ได้เห็นฝีมือของผู้เรียนอาชีวะจากการเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่จะเกิดขึ้น ขอให้ทุกท่านได้นำความรู้ที่ได้รับไปใช้ในการเรียนการสอน การดำเนินชีวิต และทำให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติต่อไป“

เลขาธิการ กอศ. กล่าวต่อว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) มีวิสัยทัศน์ในการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวะสมรรถนะสูงเพื่อพัฒนาประเทศขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สิ่งสำคัญ สอศ. มุ่งหวัง นักเรียนนักศึกษา โดยมีปัจจัย 3 ทักษะ คือ 1. ทักษะด้านวิชาการ จากการเรียนการสอนในสาขาต่างๆ 2.ทักษะวิชาชีพ และ 3. ทักษะชีวิต ซึ่งมีความสอดคล้องกับกิจกรรมเพื่อมุ่งเน้นในการนำเสนอและบทเรียนการดำเนินงานโครงการระดับสถานศึกษาระหว่างเครือข่ายเยาวชนอาชีวศึกษาได้ขยายต่อพลังอาชีวะคิดบวก ส่งต่อรุ่นพี่ รุ่นน้อง และเพื่อนร่วมรุ่น ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาต่อยอดถึงชุมชนสังคม ทั้งนี้ มีสถานศึกษาในสังกัด สอศ. จำนวน 51 แห่ง เป็นครู นักเรียน นักศึกษา 255 คน ที่เข้าร่วม ซึ่งมีโครงการที่ต่อยอดถึงชุมชน ที่น่าสนใจ อาทิ โครงการแยก แลก สุข จากวิทยาลัยการอาชีพฝาง โครงการ Organic compost จากวิทยาลัยพณิชยการธนบุรี โครงการส้มซ่า วัยเก๋า จากวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีอุทัยธานี โครงการรู้มิจ Safe me จากวิทยาลัยเทคนิคนครศรีธรรมราช เป็นต้น จึงถือได้ว่าเป็นการนำร่องสถานศึกษา โดยจะต่อยอดสู่การพัฒนาในสถานศึกษาในสังกัดทั่วประเทศต่อไป

0 Shares

สจล. ลงนามร่วมมือทางวิชาการ MOU กับ 65 หน่วยงาน สร้างทักษะ 8 กลุ่มรายวิชา

สจล. ลงนามร่วมมือทางวิชาการ MOU กับ 65 หน่วยงาน สร้างทักษะ 8 กลุ่มรายวิชา

พร้อมเปิด 3 รายวิชา Hyflex ให้ผู้สนใจได้เรียน ในงาน KMITL GenEd Day 2024 เพื่อเสริมทักษะ Hard Skills / Soft Skills ให้น้องๆ ม.ปลาย และบุคคลภายนอกได้เรียนรู้ด้วยตนเอง – ตลอดชีวิต ตั้งเป้าก้าวสู่การเป็นนวัตกรและผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสามารถแข่งขันได้ในระดับนานาชาติ


สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ก้าวสู่ปีที่ 65 สำนักวิชาศึกษาทั่วไป (GenEd) ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบการพัฒนาให้นักศึกษาระดับปริญญาตรีกว่า 25,000 คน มีทักษะที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของสถาบันฯ ที่มุ่งพัฒนาประเทศด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การสร้างสรรค์งานวิจัยและนวัตกรรมสู่สังคมโลก โดยจัดงาน KMITL GenEd Day 2024 พร้อมบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ระหว่าง สจล. และ 65 หน่วยงานชั้นนำของไทย พร้อมเปิดคอร์ส อบรมตอบโจทย์ทุกช่วงวัย เพื่อประกาศเจตนารมณ์ความร่วมมือทางวิชาการร่วมกัน ภายใต้ธีม “Connecting the dots: Integrating Knowledge for Innovators” โดยมีรศ. ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สจล. และผศ.ศิริพันธ์ มุรธาธัญลักษณ์ ผู้อำนวยการสำนักวิชาศึกษาทั่วไป สจล. ร่วมเปิดงานและแถลงข่าว พร้อมมอบสูจิบัตรที่ระลึกความร่วมมือทางวิชาการ ที่สำนักการเรียนรู้ตลอดชีวิต สจล. เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา

รศ. ดร.คมสัน กล่าวว่า ในฐานะสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศ โดยมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานวิจัยและนวัตกรรมสู่สังคมโลก ด้วยวิสัยทัศน์การเป็น “The World Master of Innovation” เพื่อแสดงศักยภาพด้านการวิจัยเชิงประยุกต์และนวัตกรรมสู่สังคม โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาหลักสูตรที่ทันสมัย สอดคล้องกับความต้องการของตลาดเพื่อเตรียมนักศึกษาให้พร้อมสำหรับการเป็นพลเมืองโลก (Global Citizen) โดยสนับสนุนการเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติจริง ผ่านหลักสูตรของสำนักวิชาศึกษาทั่วไป (General Education) และประเมินผลผ่าน Skill Mapping ที่สามารถระบุทักษะที่โดดเด่นของนักศึกษาแต่ละบุคคล
ทั้งนี้ การพัฒนาหลักสูตรจึงต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน และความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ครั้งนี้ จึงมีความสำคัญในการเชื่อมโยงองค์ความรู้ โดยอาศัยความเชี่ยวชาญในแต่ละศาสตร์และผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อร่วมกันผลิตบัณฑิตที่มีทั้งสมรรถนะทักษะ (Hard Skills) และจรณทักษะ (Soft Skills ) พร้อมกับการทำงานในอนาคต และมุ่งให้นักศึกษาเป็นนวัตกรและผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสามารถแข่งขันได้ในระดับนานาชาติ นอกจากนี้ สจล. ยังพร้อมคนทุกช่วงวัยให้มีโอกาสได้เพิ่มเติมทักษะให้ตัวเองกับคอร์สเรียน คอร์สอบรมทั้งในรูปแบบออนไลน์ และออนไซต์ ผ่านสำนักการเรียนรู้ตลอดชีวิตพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(KLLC) และ KMITL Master Class ที่มีกว่า 300 รายวิชา

ในครั้งนี้ได้ทำความร่วมมือทางวิชาการกับ 65 หน่วยงานที่มีคุณภาพ และความเชี่ยวชาญ เพื่อสร้างคอร์สเรียนใน 8 กลุ่มทักษะ ได้แก่ 1.SDGs, 2.SoulGlow, 3.PassionCrafts, 4.TechFusion, 5.Profiteer, 6.SuccessFuel, 7.ChitChat และ 8.VisionaryX เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักศึกษาที่มีความสนใจในด้านต่างๆ ที่หลากหลาย และสามารถนำไปต่อยอดกับความรู้ที่มีอยู่ได้

ผศ.ศิริพันธ์ กล่าวว่า สจล. ได้เริ่มดำเนินโครงการ “GENED: Jumpstart Your Journey to KMITL” เพื่อเปิดโอกาสให้น้องๆ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและบุคคลภายนอกเข้าเรียนเพื่อสะสมหน่วยกิต ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีทักษะแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง โดยผู้เรียนสามารถเลือกวัน เวลา ในการเรียน ตลอดจนวางแผนการเรียนรู้ได้ เป็นการเพิ่มโอกาสทางการศึกษา ใฝ่รู้ และพัฒนาตนเองต่อเนื่องตลอดชีวิต
สำหรับการMOU ระหว่าง สจล. และ 65 หน่วยงาน ในครั้งนี้ เป็นการผสานความร่วมมือกับกลุ่มทักษะด้านบุคคลและทักษะส่งเสริมวิชาชีพ ที่มีความเป็นมืออาชีพให้มาอยู่ในแพลตฟอร์มเดียวกัน โดย หน่วยงานที่เข้าร่วม MOU ในครั้งนี้ เช่น สถาบันการเรียนรู้การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), สมาคมคหเศรษฐศาสตร์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์, สมาคมพัฒนาเศรษฐกิจเกษตรรักษ์โลก, สมาคมผู้ประกอบการปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย, สมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, สมาคมฝึกการพูดแห่งประเทศไทย, กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์, สมาคมนักเรียนเก่าญี่ปุ่น ในพระบรมราชูปถัมภ์, สมาคมการค้าการลงทุนเส้นทางสายไหมไทยจีน, สมาคมนวัตกรรมภาคอุตสาหกรรม และสมาคมวิจัยสถาบันและพัฒนาอุดมศึกษา เป็นต้น

นอกจากนี้ยังพร้อมที่จะเปิดรายวิชาที่มีรูปแบบการเรียนการสอนในลักษณะ Hyflex ซึ่งเป็นการเรียนรู้แบบยืดหยุ่น ผ่านการเรียนรู้ในรูปแบบออนไลน์ ทั้งการเรียนกับเพื่อน หรือการทำชิ้นงาน และรายวิชาที่คาดว่าจะเปิดรับ ประกอบด้วย Practice Under Personal and Professional Skills 3 (3 หน่วยกิต), YouTuber (3 หน่วยกิต), English Skill Development for Life-long Learning (3 หน่วยกิต) ซึ่งจะเปิดให้กับผู้สนใจทั่วไปได้ลงทะเบียนเรียนกันอีกด้วย เปิดรับสมัครในช่วงเดือนม.ค. พ.ศ. 2568 ช่วงเวลาเรียน เม.ย. 2568 ถึง พ.ค. 2568

ทั้งนี้ ทักษะต่างๆ ที่นำมาให้เรียนรู้เพิ่มเติม อาทิ การคิดวิเคราะห์และการคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Analytical and Critical Thinking), การแก้ปัญหาเชิงซับซ้อน (Complex Problem Solving), การคิดสร้างสรรค์ (Creativity), ความสัมพันธ์กับผู้อื่น (Interpersonal Skills), ความซื่อสัตย์และความพากเพียรพยายาม (Integrity and Perseverance), การเรียนรู้เชิงรุกและการใฝ่รู้ (Active Learning and Learning Strategies), ความอดทน ยืดหยุ่น และฟื้นตัวจากสภาวะความเครียด (Resilience, Stress Tolerance and Flexibility) และการเป็นผู้นำและผู้เปลี่ยนแปลงสังคม (Leadership and Social Influence)

สำหรับการจัดงาน KMITL GenEd Day 2024 โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย คุณธนพงศ์ วงศ์ชินศรี ร่วมแชร์ประสบการณ์ในช่วงเสวนาเรื่อง “เจ๊งในกระดาษ ดีกว่าเจ๊งในชีวิตจริง”, คุณอรนุช เลิศสุวรรณกิจ (มิหมี Techsauce) ร่วมแชร์ประสบการณ์ในช่วงเสวนาเรื่อง “บทเรียนสตาร์ทอัพ จากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง”, คุณสรานี สงวนเรือง (เฟื่องลดา Ladies of Digital Age) แชร์ประสบการณ์ในช่วงเสวนา “พูดอย่างไร ใครๆ ก็อยากฟัง” และคุณรังสรรค์ พรมประสิทธิ์ (โจ้ Que Q) แชร์ประสบการณ์ในช่วงเสวนาเรื่อง “จาก SME สู่ QueQ สตาร์ทอัพร้อยล้าน” อีกด้วย

ผู้ที่สนใจสมัครเรียน สามารถติดต่อ สำนักวิชาศึกษาทั่วไป สจล. โทร 02 329 8220 คุณผจงจิตต์ ยืนวงษ์ และ facebook GenEd KMITL สำนักวิชาศึกษาทั่วไป พระจอมเกล้าลาดกระบัง
ติดตามความเคลื่อนไหวอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ทาง https://www.facebook.com/kmitlofficial และเว็บไซต์ https://www.kmitl.ac.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่02-329-8000

0 Shares

“อว.เพื่อประชาชน” ศูนย์ปฏิบัติการสถานการณ์น้ำท่วม อว. โดย วช. ระดมช่วยผู้ประสบอุทกภัย

“อว.เพื่อประชาชน” ศูนย์ปฏิบัติการสถานการณ์น้ำท่วม อว. โดย วช. ระดมช่วยผู้ประสบอุทกภัย

พร้อมกับ อว.ส่วนหน้า โดย มรภ.เชียงราย ลงพื้นที่อ.แม่สาย และนำนวัตกรรมโดรน ช่วยลำเลียงถุงยังชีพ

เมื่แวันที่ 11 ก.ย. ศูนย์ปฏิบัติการสถานการณ์น้ำท่วมอว. โดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการวช. และบุคลากร วช. พร้อมด้วย อว.ส่วนหน้า โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏ(มรภ.)เชียงราย ร่วมนำถุงยังชีพช่วยผู้ประสบอุทกภัย ณ อ.แม่สาย จ.เชียงราย พร้อมกันนี้ วช.และสมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ โดย นายพิศิษฐ์ มิตรเกื้อกูล นายกสมาคมฯ และทีมงาน นำนวัตกรรมโดรน ช่วยลำเลียงสัมภาระ ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย

ดร.วิภารัตน์ กล่าวว่า น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอว. มีความห่วงใยพื้นที่และผู้ประสบอุทกภัยที่จ.เชียงราย ได้สั่งการให้หน่วยงานในกระทรวง อว. เร่งระดมความช่วยเหลือให้กับพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยโดยด่วน ผ่านศูนย์ปฏิบัติการสถานการณ์น้ำท่วม “อว. เพื่อประชาชน” ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อภารกิจช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม

ในการนี้ วช.จึงได้ดำเนินการตามนโยบายของ อว. ในการลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย พร้อมกับ อว.ส่วนหน้า มรภ.เชียงราย โดยการนำถุงยังชีพ และนวัตกรรรมโดรน โดยสมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ ช่วยลำเลียงสัมภาระ ช่วยประชาชนในพื้นที่ประสบภัย อย่างเร่งด่วน โดยในครั้งนี้ ผศ.ภูริพัฒน์ แก้วศรี ผู้ช่วยอธิการบดี มรภ.เชียงราย ทีมอว.ส่วนหน้า ได้ลงพื้นที่ร่วมกับ วช. ในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยด้วย

ทั้งนี้ ในวันที่ 13 ก.ย. ศูนย์ปฏิบัติการสถานการณ์น้ำท่วม “อว เพื่อประชาชน ” จะปล่อยรถคาราวานลำเลียงสิ่งของไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ได้รับผลกระทบ หากผู้ใดประสงค์จะร่วมสนับสนุนปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้ สามารถนำสิ่งของมาร่วมบริจาคได้ที่ ศูนย์ปฏิบัติการสถานการณ์ “อว. เพื่อประชาชน ” ชั้น 7 อาคารพระจอมเกล้าสำนักงานปลัดกระทรวง อว.

#อว.เพื่อประชาชน
#ศูนย์ปฏิบัติการสถานการณ์น้ำท่วม อว.
#วช.

0 Shares

“ศุภมาส” สั่งทุกหน่วยงานกระทรวง อว.ระดมช่วยน้ำท่วมแม่สาย ให้ มรภ.เชียงรายรับผู้ประสบภัยมาพักพิง

“ศุภมาส” สั่งทุกหน่วยงานกระทรวง อว.ระดมช่วยน้ำท่วมแม่สาย ให้ มรภ.เชียงรายรับผู้ประสบภัยมาพักพิง

พร้อมนำรถ 6 ล้อไปช่วยขนย้ายข้าวของและผู้ป่วย ติดเตียง ใช้โดรนลำเลียงถุงยังชีพไปมอบให้กับผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก ดีเดย์ 13 ก.ย.นี้ ปล่อยรถคาราวานลำเลียงสิ่งไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่

เมื่อวันที่ 11 ก.ย. น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วม น้ำป่าไหลหลากที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ตนจึงได้สั่งการให้หน่วยงานในกระทรวง อว. เร่งระดมความช่วยเหลือให้กับพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยโดยด่วน ผ่านศูนย์ปฏิบัติการสถานการณ์น้ำท่วม “อว. เพื่อประชาชน” ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อภารกิจช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม โดยขณะนี้ได้มีการประสานงานไปยังมหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย (มรภ.เชียงราย) ซึ่งเป็นหน่วยงานส่วนหน้าในพื้นที่ให้เข้าไปให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน เช่น เปิดจุดรับผู้ประสบภัยให้มาพักพิงเป็นการชั่วคราว นำรถ 6 ล้อ พร้อมบุคลากรของมหาวิทยาลัยไปช่วยขนย้ายข้าวของและผู้ป่วย นำรถกระบะโฟวิล ไปช่วยขนย้ายผู้ป่วยติดเตียงจากสถานพยาบาลในพื้นที่ที่ประสบภัย เปิดพื้นที่ภายในมหาวิทยาลัยให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบสามารถนำรถมาจอดในพื้นที่ได้ นำอาหาร น้ำดื่ม ของใช้ที่จำเป็นไปมอบให้ผู้ประสบภัย พร้อมเปิดศูนย์รับบริจาคทั้งจตุปัจจัยและเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อเป็นสื่อกลางนำไปมอบให้ประชาชนที่ยังรอความช่วยเหลือ เป็นต้น

รมว.อว.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ จะนำโดรนลำเลียงถุงยังชีพไปมอบให้กับผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก ซึ่งภายในถุงยังชีพจะประกอบไปด้วยอาหารนวัตกรรมพร้อมทาน เช่น เครื่องดื่มโปรตีนถั่วเหลือง ที่เป็นผลิตภัณฑ์ทดแทนมื้ออาหาร ใช้เป็นอาหารทางสายยาง เหมาะสำหรับผู้ที่กินอาหารไม่ครบ 5 หมู่ ผู้ป่วย ผู้ที่เกล็ดเลือดต่ำ ผู้ที่แขนขาอ่อนแรง คนเบื่ออาหาร ผู้ที่เป็นอัมพฤกษ์อัมพาต และกลุ่มผู้สูงอายุ หรือผลิตภัณฑ์โปรตีนสูงพร้อมดื่ม ที่ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้รวดเร็วที่สุด พร้อมสร้างกล้ามเนื้อและความเเข็งแรงของร่างกาย อายุเก็บรักษานาน 1 ปี ไร้สารเคมีกันเสีย โดยไม่ต้องเเช่เย็น ขณะเดียวกัน ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการดำรงชีพไปแจกจ่ายอีกด้วย

“ในวันที่ 13 ก.ย. นี้ ศูนย์ปฎิบัติการสถานการณ์ อว เพื่อประชาชน จะปล่อยรถคาราวานลำเลียงสิ่งไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย รวมถึงพื้นที่อื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบ หากผู้ใดประสงค์จะร่วมสนับสนุนปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้ สามารถนำสิ่งของมาร่วมบริจาคได้ที่ ศูนย์ปฎิบัติการสถานการณ์ “อว เพื่อประชาชน ” ชั้น 7 อาคารพระจอมเกล้า สำนักงานปลัดกระทรวง อว“ น.ส.ศุภมาส กล่าว

0 Shares

PDPC จับมือ มศว ลงนาม MOU มุ่งสร้างความตระหนักรู้เรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลภาคการศึกษา

PDPC จับมือ มศว ลงนาม MOU มุ่งสร้างความตระหนักรู้เรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลภาคการศึกษา

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC พร้อมด้วย คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ว่าด้วยการเผยแพร่ข้อมูลและสร้างความตระหนักรู้เรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในภาคการศึกษา เพื่อร่วมกันส่งเสริมสนับสนุนงานวิจัยทางด้านการศึกษา และการพัฒนาโครงการด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยการจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนโครงการฝึกอบรมด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและบุคลากร เพื่อสนับสนุนการพัฒนาองค์ความรู้ในทางทฤษฎี และทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ พร้อมเตรียมพัฒนาหลักสูตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในระดับอุดมศึกษาเพื่อต่อยอดเส้นทางอาชีพด้านกฎหมาย PDPA ในอนาคตต่อไป


ดร.ศิวรักษ์ ศิวโมกษธรรม เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สคส.หรือ PDPC เปิดเผยว่า PDPC พร้อมด้วย รศ.ดร.ภูมิ มูลศิลป์ คณบดีคณะสังคมศาสตร์ มศว ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ โดย มศว ถือเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงด้านการเรียนรู้เพื่อสังคมที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดการเรียนรู้ในศาสตร์ที่นำสมัย และมีคุณภาพมาตรฐานเทียบเท่าสากล ที่สำคัญทาง มศว ยังให้ความสำคัญในด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและแสดงเจตจำนงที่จะร่วมกันขับเคลื่อนการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทยให้มีมาตรฐานสากล

การลงนามในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสดี ที่ PDPC จะได้ร่วมมือกับทาง มศว ในการเผยแพร่ข้อมูลและสร้างความตระหนักรู้เรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในภาคการศึกษาอย่างเป็นทางการ โดย PDPC และ มศว จะร่วมมือส่งเสริมในการศึกษาวิจัยและการพัฒนาโครงการด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ร่วมกันจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอน โครงการฝึกอบรมสัมมนาด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมไปถึงการพัฒนาหลักสูตรด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้นิสิต นักศึกษา และบุคลากรในมหาวิทยาลัยฯ มีความรู้ ความเข้าใจ และตระหนักรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA และจะบรรจุหลักสูตรด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเข้าสู่แผนด้านการอุดมศึกษา เพื่อต่อยอดเส้นทางอาชีพในอนาคต

ดร.ศิวรักษ์ กล่าวต่อว่า สคส.มีความตั้งใจในการผลิตบุคลากรด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อสามารถถ่ายทอด องค์ความรู้ให้กับ นิสิต นักศึกษา และบุคลากร ภายในมหาวิทยาลัย หรือในเครือมหาวิทยาลัยฯ ให้ได้อย่างทั่วถึง โดยจะมีการจัดกิจกรรมอบรมสัมมนาด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำหรับภาคการศึกษาในรูปแบบออนไลน์ และลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาวิจัย จัดทำโครงการ และการพัฒนาโครงการด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลร่วมกัน ซึ่งการสร้างกลไกระบบนิเวศวิจัยจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ถือเป็นการเปิดโอกาสให้นักวิจัย นิสิต นักศึกษา สามารถสร้างนวัตกรรมที่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างปลอดภัยและเป็นธรรม ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งขันในระดับนานาชาติ รวมทั้งเป็นการช่วยยกระดับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศอีกด้วย

0 Shares