คลังเก็บป้ายกำกับ: อว.

“ศุภมาส” ลงพื้นที่ติดตาม “โครงการเชื่อมเส้นทางท่องเที่ยว อ่าวไทย-อันดามัน” ผลงานความร่วมมือ 5 ราชภัฏภาคใต้

“ศุภมาส” ลงพื้นที่ติดตาม “โครงการเชื่อมเส้นทางท่องเที่ยว อ่าวไทย-อันดามัน” ผลงานความร่วมมือ 5 ราชภัฏภาคใต้

เมื่อวันที่ 19 ม.ค. น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมด้วย พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา ที่ปรึกษา รมว.อว. รศ.ดร.พาสิทธิ์ หล่อธีรพงศ์ รองปลัด อว. และคณะผู้บริหาร อว. ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานของ อว. ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พังงา และระนอง ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2567 ณ พื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล) ประเดิมงานแรกติดตามการขับเคลื่อนการท่องเที่ยว “โครงการเชื่อมเส้นทางท่องเที่ยว อ่าวไทย-อันดามัน” โดยความร่วมมือ 5 มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) ประกอบด้วย มรภ.ภูเก็ต มรภ.นครศรีธรรมราช มรภ.สงขลา มรภ.สุราษฎร์ธานี และ มรภ.ยะลา โดยมี นายสุวิทย์ สุริยะวงค์ ปลัดจังหวัดภูเก็ต ผศ.ดร.หิรัญ ประสารการ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต และคณะ ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นด้วยการแสดงรำพื้นบ้านชุดนารีศรีปละตกที่มีชื่อเสียงของบ้านลิพอนใต้ ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต

น.ส.ศุภมาสกล่าวว่า อว. สนับสนุนการท่องเที่ยวในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ผ่านการดำเนินงานของ อว.ส่วนหน้า ซึ่งเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนงานด้านอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) ในพื้นที่ ร่วมกับคณะทำงานระดับจังหวัดที่มีสถาบันการศึกษาในสังกัด อว. เป็นหน่วยขับเคลื่อนและประสานงานร่วมกับคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัด อย่างการสนับสนุนการท่องเที่ยวโครงการเชื่อมเส้นทางท่องเที่ยว อ่าวไทย-อันดามัน ซึ่งเป็นความร่วมมือของ 5 มหาวิทยาลัยราชภัฏ ซึ่งได้จัดทำโครงการพัฒนาศูนย์อัจฉริยะเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นภาคใต้ เพื่อให้บริการด้านองค์ความรู้ นวัตกรรมแก่ชุมชนท้องถิ่นเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong learning) ตลอดจนให้บริการวิชาการและพัฒนางานวิจัย สร้างองค์ความรู้ นวัตกรรม และการยกระดับภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่ระดับสากลตามความต้องการของชุมชน/ท้องถิ่น

“อว. พร้อมจะนำทุกองคาพยพมาช่วยสนับสนุนโครงการในพื้นที่ จ.ภูเก็ต รวมถึงพื้นที่ภาคใต้ เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีกับพ่อแม่พี่น้องอย่างยั่งยืน” รมว.อว.กล่าว

จากนั้น น.ส.ศุภมาส และคณะ ได้ชมนิทรรศการกิจกรรมสนับสนุนการยกระดับการท่องเที่ยวจังหวัดสำคัญ 4 กิจกรรม ประกอบด้วย เส้นทางท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ บริเวณเส้นทางการค้าดินแดนสุวรรณภูมิ จังหวัดชุมพรและระนอง ภายใต้โครงการ “การพัฒนาแพลตฟอร์มด้านปัญญาประดิษฐ์”, โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตและยกระดับเศรษฐกิจฐานราก 1 คณะ 1 พื้นที่ (ต.เชิงทะเล), การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพการท่องเที่ยวชุมชนบ้านลิพอนใต้ ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต และโครงการพัฒนาศักยภาพเส้นทางท่องเที่ยวโดยชุมชน ต.เกาะพระทอง อ.คุระบุรี จ.พังงา

ต่อด้วยนิทรรศการการสนับสนุนการท่องเที่ยวโครงการ “นวนุรักษ์ แพลตฟอร์ม” ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งเป็นเครื่องมือในการจัดเก็บรวบรวมองค์ความรู้ด้านความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรม ช่วยชุมชนให้เกิดความเข้าใจในระบบนิเวศเขาหินปูน ระบบนิเวศสัตว์ในถ้ำ และระบบนิเวศสัตว์ชายฝั่งทะเลที่มีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ และเป็นประโยชน์ต่อชุมชนสามารถใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืนตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG ของรัฐบาล ปิดท้ายที่โครงการการพัฒนาศักยภาพและแนวทางการใช้ประโยชน์จากพืชสกุลไทร เพื่อช่วยในการลดมลภาวะทางอากาศ และโครงการพัฒนาระบบการปลูกเลี้ยงไม้ดอกไม้ประดับในระบบเกษตรปลอดภัยเพื่อการบริโภค ของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)

0 Shares

อว. ออกประกาศ กมอ. ยกระดับมาตรฐานภาษาอังกฤษในมหาวิทยาลัย ยกเครื่องการเรียนการสอน การวัดผลเทียบเท่าระดับสากล

อว. ออกประกาศ กมอ. ยกระดับมาตรฐานภาษาอังกฤษในมหาวิทยาลัย ยกเครื่องการเรียนการสอน การวัดผลเทียบเท่าระดับสากล

เมื่อวันที่ 19 ม.ค. น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษา (กมอ.) ได้ออกประกาศ เรื่อง นโยบายการยกระดับมาตรฐานภาษาอังกฤษในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2567 ซึ่งเป็นการสนับสนุนนโยบายรัฐบาล ในการพัฒนาภาษาอังกฤษในนักศึกษาให้ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยให้สถาบันอุดมศึกษากำหนดนโยบายเป้าหมาย รวมถึงแผนดำเนินการในการยกระดับมาตรฐานภาษาอังกฤษของบัณฑิตให้มีความพร้อมทั้งด้านวิชาการ วิชาชีพ และทักษะการสื่อสารที่ใช้การได้

รมว.อว.กล่าวต่อว่า ในแผนดำเนินการแต่ละสถาบันอุดมศึกษาจะต้องปรับปรุงการจัดการเรียนการสอน การจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตร จัดสภาพแวดล้อมทั้งในและนอกห้องเรียน การทำสื่อการเรียนรู้ออนไลน์ที่นักศึกษาสามารถเข้าถึงได้ด้วยตนเอง และต้องจัดให้นักศึกษาทุกคน สอบวัดความรู้และทักษะภาษาอังกฤษก่อนสำเร็จการศึกษา ตามแบบทดสอบที่สถาบันอุดมศึกษาพัฒนาขึ้นหรือแบบทดสอบตามมาตรฐานสากลอื่น ๆ โดยเทียบเคียงผลกับ Common European Framework of Reference for Languages (CEFR) เพื่อให้ทราบถึงผลสัมฤทธิ์ด้านทักษะภาษาอังกฤษของนิสิตนักศึกษาแต่ละคน และสถาบันอุดมศึกษา อาจพิจารณานําผลการทดสอบความรู้และทักษะภาษาอังกฤษบันทึกในใบรับรองผลการศึกษาหรือจัดทําเป็นประกาศนียบัตร ทั้งระดับอนุปริญญา ระดับปริญญาตรี และระดับบัณฑิตศึกษา โดยเทียบเคียงเกณฑ์ของ CEFR

“เป้าหมายผลสัมฤทธิ์ดังกล่าว ไม่ได้เป็นเงื่อนไขในการจบการศึกษาของนักศึกษาแต่จะเป็นแนวทางในการประเมินแผนดำเนินการของสถาบันอุดมศึกษา” น.ส.ศุภมาสกล่าว

0 Shares

โครงการพลิกโฉมมหาวิทยาลัยประกวดผลงานสถาบันอุดมศึกษาพัฒนาเชิงพื้นที่ดีเด่น ปี66 ผลงาน : “การบูรณาการเครือข่ายชุมชนท้องถิ่น มรภ.อุดรธานี” ได้รางวัลดีเด่น

โครงการพลิกโฉมมหาวิทยาลัยประกวดผลงานสถาบันอุดมศึกษาพัฒนาเชิงพื้นที่ดีเด่น ปี66 ผลงาน : “การบูรณาการเครือข่ายชุมชนท้องถิ่น มรภ.อุดรธานี” ได้รางวัลดีเด่น

เมื่อวันที่ 18 ม.ค.ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) เปิดเผยว่า โครงการพลิกโฉมมหาวิทยาลัย(Reinventing University) โดย สำนักงานปลัด(สป.) อว.จัดการประกวดผลงานสถาบันอุดมศึกษาพัฒนาเชิงพื้นที่ดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2566 ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง สป.อว. และหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ซึ่งมีมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ อาทิ มหาวิทยาลัยราชภัฏ(มรภ.) 38 แห่ง สถาบันวิทยาลัยชุมชน มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ มหาวิทยาลัยพะเยา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เป็นต้น ส่งผลงานการเข้าไปพัฒนาในพื้นที่และชุมชนเข้าประกวด โดยมีผลงานที่ได้รับรางวัล ดังนี้

ด้านที่ 1: การปฏิรูประบบบริหารจัดการของสถาบันอุดมศึกษาเพื่อนำไปสู่การพัฒนาเชิงพื้นที่/ท้องถิ่น
รางวัลชมเชย ผลงาน “การปฏิรูประบบบริหารจัดการของมหาวิทยาลัยพะเยา เพื่อการบรรลุวิสัยทัศน์ มหาวิทยาลัยสร้างปัญญาเพื่อนวัตกรรมชุมชนสู่สากล” โดยการทำให้ทุกคณะในมหาวิทยาลัยมีบทบาทในการขับเคลื่อนเชิงพื้นที่ ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 68 ตำบลใน จ.พะเยา เพื่อสร้างความพร้อมให้มหาวิทยาลัยไปสู่การเป็น Frontier Area-Based University ด้วยการได้รับการยอมรับทั้งระดับชุมชนและสากล ในการได้รับการยอมรับระดับชุมชน

ด้านที่ 2 การพัฒนาบัณฑิตที่มีทักษะสูงตอบโจทย์การพัฒนาพื้นที่หรือท้องถิ่นรางวัลชมเชย ผลงาน “การพัฒนาบัณฑิตเพื่อยกระดับทักษะขั้นสูงด้านโลจิสติกส์ สู่การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษตาก” โดย มรภ.กำแพงเพชร นำเสนอหลักสูตรนำร่องด้านการผลิตและพัฒนากำลังคนและสร้างความสามารถในการแข่งขันผลิตกำลังคนรองรับ New S-Curve โดยจัดการศึกษาแบบทวิภาคี พร้อมทั้งได้จัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ กลุ่มอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ จำนวน 4 สาขาอาชีพ เป็นแห่งแรกของภาคเหนือตอนล่าง เพื่อยกระดับมาตรฐานอาชีพด้านโลจิสติกส์ให้กับบัณฑิตและกำลังคนด้านโลจิสติกส์ให้กับพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษตาก โดยสอดคล้องกับการผลิตบัณฑิตเพื่อพัฒนาในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือ SEZ และ EEC โดยการปฏิรูปการจัดการการเรียนการสอนเชิงบูรณาการกับการทำงาน ให้ตรงกับความต้องการของสถานประกอบการ

ด้านที่ 3 การนำองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม การบริการวิชาการ ไปใช้ในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นรางวัลดีเด่น ผลงาน : “การบูรณาการเครือข่ายชุมชนท้องถิ่น (UDRU ANi) มรภ.อุดรธานี” โดยนำเสนอศูนย์นวัตกรรมเพื่อการบริการวิชาการ (INAS) ทั้งนี้ ANi เป็นหน่วยปฏิบัติการเชิงพื้นที่ที่มีเขตให้บริการครอบคลุม 4 จังหวัด ได้แก่ อุดรธานี หนองบัวลำภู หนองคาย และบึงกาฬ รวม 43 อำเภอ โดยชูความโดดเด่นของการนำองค์ความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรมและบริการวิชาการไปใช้ในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น อาทิ การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนเห็ดครบวงจรสู่ผลิตภัณฑ์ BCG ของพื้นที่ ต.หาดคำ อ.เมือง จ.หนองคาย ภายใต้แบรนด์ผลิตภัณฑ์ชุมชน “ฮักคำ” การพัฒนาวิถีชาวนา ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจ BCG ของพื้นที่ ต.บ้านต้อน อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย ภายใต้แบรนด์ผลิตภัณฑ์ชุมชน “กสิภัฏ” และนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการผลิตและการแปรรูปผลิตภัณฑ์ “อ้อย” เป็นต้น

รางวัลชมเชย ผลงาน : “การยกระดับคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจฐานรากโดยอาศัยองค์ความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรมจากทรัพยากรท้องถิ่น” โดยมรภ.ลำปาง
รางวัลชมเชย ผลงาน : “การยกระดับขีดความสามารถของชุมชนด้วยระบบและกลไกการจัดการทรัพยากรพื้นถิ่น สิ่งแวดล้อม และสังคมสูงวัยด้วยกระบวนการพันธกิจสัมพันธ์มหาวิทยาลัยกับสังคม” โดยมรภ.อุตรดิตถ์

รางวัลชมเชย ผลงาน “การพัฒนาชุมชนเพาะเลี้ยงผึ้งชันโรงสู่การเป็นชุมชนนวัตกรรมอย่างยั่งยืน จังหวัดสงขลา” โดยมหาวิทยาลัยหาดใหญ่

“ทั้งหมดนี้ คือผลงานที่มหาวิทยาลัยได้เข้าไปพัฒนาในพื้นที่และชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม ถือเป็นการกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมสู่ประชาชนในส่วนภูมิภาค สะท้อนให้เห็นชัดว่า โครงการพลิกโฉมมหาวิทยาลัยของ สป.อว. เดินมาถูกทาง เพื่อทำให้มหาวิทยาลัยเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศต่อไป” ศ.ดร.ศุภชัยกล่าว

0 Shares

“ศุภมาส” ประชุมบอร์ดภูมิสารสนเทศฯ มุ่งเชื่อมโยงข้อมูลหน่วยงานรัฐ ยกระดับระบบภูมิสารสนเทศของประเทศ ให้ประชาชนเข้าถึงง่าย

“ศุภมาส” ประชุมบอร์ดภูมิสารสนเทศฯ มุ่งเชื่อมโยงข้อมูลหน่วยงานรัฐ ยกระดับระบบภูมิสารสนเทศของประเทศ ให้ประชาชนเข้าถึงง่าย

เมื่อวันที่ 17 ม.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติ ได้มอบหมาย น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) รองประธานกรรมการ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติ (กภช.) คร้ังที่ 1/2567 แทน โดยมีนายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวง อว. เป็นกรรมการและเลขานุการ และ ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อํานวยการสํานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.) เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ รวมถึงมีกรรมการผู้แทนจากส่วนราชการ 15 หน่วยงาน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วม ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

น.ส.ศุภมาสกล่าวว่า คณะกรรมการชุดนี้จะกำกับดูแลประเด็นสำคัญของประเทศชาติ คือ ด้านภูมิสารสนเทศ ซึ่งเป็นการปรับปรุงทั้งระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ อันเป็นภารกิจที่สำคัญต่อการพัฒนาในอนาคต โดยนำเทคโนโลยีมาบริหารราชการบ้านเมืองตามนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรี ที่ว่ารัฐบาลจะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ ตอบสนองความต้องการของประชาชนที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ และการมีระบบภูมิสารสนเทศที่ดีจะทำให้ประเทศและประชาชนมีความก้าวหน้าและก้าวทันนานาประเทศ

ทั้งนี้ คณะกรรมการภูมิสารสนเทศได้รับทราบรายละเอียดของแผนปฏิบัติการด้านภูมิสารสนเทศแห่งชาติ พ.ศ.2566 – 2570 ซึ่งมีเป้าหมายที่จะให้ประเทศไทยมีระบบภูมิสารสนเทศเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ รวมถึงยกระดับการดำเนินงานด้านภูมิสารสนเทศของประเทศให้ทัดเทียมกับนานาชาติ โดยคณะกรรมการได้มอบหมายฝ่ายเลขานุการประสาน รวบรวม และกลั่นกรองโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐที่เกี่ยวกับระบบภูมิสารสนเทศต่อคณะกรรมการภูมิสารสนเทศแห่งชาติ และนำเสนอต่อสำนักงบประมาณเพื่อประกอบการพิจารณาสรรจัดงบประมาณประจำปีต่อไป โดยเฉพาะโครงการประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ที่หน่วยต่าง ๆ อยู่ระหว่างดำเนินการ

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาระบบภูมิสารสนเทศของหน่วยงานต่าง ๆ ที่พัฒนาเพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์ โดยในการประชุมครั้งนี้มีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมที่ดิน กรมพัฒนาที่ดิน และ สทอภ. ได้นำเสนอระบบภูมิสารสนเทศของหน่วยงาน เช่น การใช้อากาศยานไร้คนขับเพื่อจัดเก็บข้อมูลและจัดทำแผนที่ต่าง ๆ ระบบเพื่อการวางแผนการใช้ที่ดินเกษตรรายแปลง ระบบ Agri-Map ระบบตรวจสอบดิน รวมถึงให้บริการข้อมูลต่าง ๆ แบบ Open Data และ เชื่อมโยงข้อมูลกันภายใต้หน่วยงานภาครัฐ โดยมีประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับประชาชน เช่น การเตรียมการรองรับภัยพิบัติ การแจ้งเตือนในพื้นที่ท่องเที่ยว การจัดการแปลงที่ดิน เป็นต้น ซึ่งที่ประชุมได้ให้ข้อคิดเห็นต่อระบบต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และมีมติให้จัดทำแผนงาน โครงการเพื่อนำไปขยายผลให้ครอบคลุมทั้งประเทศ และสื่อสารให้ประชาชนรับทราบ นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านภูมิสารสนเทศของประเทศ ใน 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านภูมิสารสนเทศแห่งชาติ ด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาชั้นข้อมูลพื้นฐานของประเทศ ด้านการส่งเสริมการลงทุน การพัฒนานวัตกรรมภูมิสารสนเทศ และ ด้านการกำหนดตำแหน่งนักภูมิสารสนเทศในระบบราชการพลเรือน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ร่วมเป็นกรรมการ เพื่อขับเคลื่อนภารกิจด้านภูมิสารสนเทศโดยมุ่งเน้นประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ

0 Shares

วว. โชว์กิจกรรม “สถานีสีเขียว : นวัตกรรมเปลี่ยนขยะเป็นเงิน” ในงานถนนสายวิทยาศาสตร์ 2567

วว. โชว์กิจกรรม “สถานีสีเขียว : นวัตกรรมเปลี่ยนขยะเป็นเงิน” ในงานถนนสายวิทยาศาสตร์ 2567

เมื่อวันที่12 ม.ค. น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานเปิดงาน SCIENCE AVENUE ถนนสายวิทยาศาสตร์ รับวันเด็กแห่งชาติ 2567 ซึ่ง อว. จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-13 ม.ค. ที่กระทรวง อว. ถนนโยธี ภายใต้แนวคิด “เด็กช่างคิด วิทย์สร้างฝัน” ในการนี้ นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัด อว. คณะผู้บริหารหน่วยงาน อว. พร้อมด้วย ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) และบุคลากร ร่วมเป็นเกียรติ โดย วว. ได้ร่วมจัดกิจกรรมรักษ์โลกด้วยนวัตกรรม เพื่อส่งเสริมศักยภาพ น้องๆ หนูๆ ในโอกาสนี้ด้วย ผ่านกิจกรรม “สถานีสีเขียว ตอน นวัตกรรม วว. เปลี่ยนขยะเป็นเงิน” และโชว์/สาธิต “ตู้อัจฉริยะ..รวบรวมและคัดแยกวัสดุรีไซเคิลแบบอัตโนมัติ” ซึ่งน้อง ๆ และผู้ปกครองได้ร่วมสนุก “แยกพลาสติกก่อนทิ้ง รีไซเคิลต่อได้” และร่วมเล่นเกมรักษ์โลก อาทิ เกมคิดส์ก่อนเท… แยกก่อนทิ้ง เกมคิดส์รู้…คิดส์รักษ์ เกมรู้หรือไม่?…ขยะแต่ละชนิดใช้เวลาสลายตัวนานเท่าไร โดย วว. มุ่งหวังให้ความรู้ฝึกสมอง ต่อยอดความคิดจินตนาการ และสร้างแรงบันดาลใจนักวิทย์น้อยต่อไป

ทั้งนี้ วว. เป็นหน่วยงานแรกและหน่วยงานแกนหลัก ร่วมกับพันธมิตรดำเนินงานขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG ภายใต้โครงการตาลเดี่ยวโมเดลจัดการขยะสู่พลังงานและสร้างรายได้เพื่อความยั่งยืนของชุมชน ณ ตำบลตาลเดี่ยว อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี โดย ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมพลังงานสะอาดและสิ่งแวดล้อม ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมหุ่นยนต์และเครื่องจักรกลอัตโนมิต ของ วว. มีความเชี่ยวชาญและองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) ด้านการจัดการขยะชุมชนอย่างยั่งยืน และมีความพร้อมในการถ่ายทอดเทคโนโลยีโดยใช้ วทน. จัดการขยะชุมชน เพื่อเพิ่มมูลค่าและการนำไปใช้ประโยชน์ ซึ่งเป็นการใช้องค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และงานวิจัยเพื่อถ่ายทอดจากหิ้งสู่ห้าง


ปัจจุบันโครงการตาลเดี่ยวโมเดล จ.ข่าวสระบุรี ได้เป็นต้นแบบในการจัดการขยะชุมชนที่เป็นรูปธรรม ซึ่งได้รับความสนใจจากหน่วยงานภาครัฐ/เอกชน เข้าเยี่ยมชมและศึกษาดูงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อหาแนวทางนำเทคโนโลยีการจัดการขยะที่เหมาะสมของ วว. ไปปรับใช้ในการบริหารจัดการขยะในพื้นที่ต่อไปอย่างยั่งยืน

0 Shares

ศุภมาส แสดงความยินดี กับนักประดิษฐ์ และนักวิจัย ที่คว้ารางวัลเวทีนานาชาติ พร้อมเชิญชวนร่วมงานวันนักประดิษฐ์ ปี 2567

ศุภมาส แสดงความยินดี กับนักประดิษฐ์ และนักวิจัย ที่คว้ารางวัลเวทีนานาชาติ พร้อมเชิญชวนร่วมงานวันนักประดิษฐ์ ปี 2567

น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม แถลงเมื่อวันที่11 ม.ค. ที่อาคารสามย่านมอตรทาวน์ กทม. เกี่ยวกับลความสำเร็จของ อว. ด้านรางวัลกับการพัฒนากำลังคนสู่อนาคต และการกล่าวแสดงความยินดีแก่ผู้ได้รับรางวัล พร้อมมอบประกาศนียบัตรแสดงความยินดีแก่นักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยที่ได้รับรางวัลจากเวทีนานาชาติ ในงาน “Future Thailand” จำนวน 180 ผลงาน 6 เวที 5 ประเทศ ได้แก่ ไต้หวัน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี สาธารณรัฐเกาหลี เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และ สาธารณรัฐโปแลนด์

น.ส.ศุภมาสกล่าวว่า อว. ขอแสดงความยินดีกับนักวิจัยและนักประดิษฐ์ทุกท่านที่ได้รับรางวัลการประกวดผลงานวิจัยสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติ รวมทั้งขอแสดงความชื่นชมกับสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพและคุณภาพทางวิชาการในระดับสูง ซึ่งล้วนเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ตามนโยบายของรัฐที่ได้ตั้งไว้ อว.รู้สึกดีใจและปลื้มใจทุกครั้ง ที่ได้เห็นความสำเร็จของบุคลากรด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศในเวทีระดับโลก จะเห็นได้จากรางวัลที่เราได้รับมา แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของนักวิจัย นักประดิษฐ์ และนวัตกรไทยที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก กระทรวง อว. ได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาการศึกษาในระดับอุดมศึกษา และ
การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวเดินไปข้างหน้า การพัฒนาองค์ความรู้ การวิจัยและพัฒนาสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมถือเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยใช้ฐานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งพวกท่านทั้งหลายเป็นส่วนที่มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะร่วมกันคิดค้น วิจัย พัฒนาต่อยอด และขยายผล โดยการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดด ให้ประเทศก้าวเข้าสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว กระทรวง อว. ได้สนับสนุนให้มีการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งทางตรงและทางอ้อม ผ่านการให้ทุนสนับสนุนการพัฒนาโครงการและผลงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม โดยหน่วยงาน PMU ต่างๆ รวมทั้งการสร้างแรงจูงใจและการให้รางวัล ประกาศเกียรติคุณ หรือยกย่องบุคคลหรือหน่วยงานด้านกกระทรวง อว. ต้องการที่จะเห็นนักวิจัย นักประดิษฐ์ และนวัตกรไทย รวมถึงหน่วยงานที่มีส่วนในการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการวิจัยและพัฒนาด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ผนึกกำลังกันอย่างแข็งแกร่ง เพื่อมาร่วมสร้างอนาคตให้ประเทศไทย เพราะคนไทยเก่งและมีความสามารถ

นอกจากนี้ ภายในงาน Future Thailand ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ได้มีการกล่าวรายงานและแถลงข่าว “รางวัลการวิจัยแห่งชาติ” และ “วันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2567” Thailand Inventors’ Day 2024 ภายใต้แนวคิด “สิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมนำประเทศ” ซึ่งจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 25 เพื่อน้อมรำลึกถึงวันประวัติศาสตร์ การทูลเกล้าฯ ถวายสิทธิบัตรการประดิษฐ์ “กังหันน้ำชัยพัฒนา” เครื่องกลเติมอาการที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่นลอย แด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร “พระบิดาแห่งการประดิษฐ์ไทย” ซึ่งพิเศษสุด ปีนี้ วช. ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ ทรงเปิดงาน “วันนักประดิษฐ์” ประจำปี 2567 และพระราชทานพระราชวโรกาสให้ผู้ได้รับรางวัลการวิจัยแห่งชาติ เข้าเฝ้ารับพระราชทานเกียรติบัตรรางวัลการวิจัยแห่งชาติ ในวันศุกร์ที่ 2 ก.พ.เวลา 09.00 น. ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพมหานคร

ภายในงานยังมีการเสวนา People for the Future “เส้นทางสู่การเป็นนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ” โดยนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2567 และการจัดแสดงนิทรรศการตัวอย่างผลงานที่ได้รับรางวัลจากเวทีการประกวดสิ่งประดิษฐ์นานาชาติ จำนวน 24 ผลงาน ทั้งนี้ วช. ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจ เข้าร่วมชมงานวันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 2-6 ก.พ. ตั้งแต่เวลา 09.00 -17.00 น. ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพมหานคร ผู้ร่วมงานจะได้พบกับนิทรรศการที่น่าสนใจมากกว่า 1,000 ผลงาน นิทรรศการการประกวดสิ่งประดิษฐ์ระดับนานาชาติ 200 กว่าผลงาน และการประกวดสิ่งประดิษฐ์ระดับเยาวชน ในโครงการ Thailand New Gen Inevntors Award กว่า 400 ผลงานด้วย

0 Shares

เริ่มแล้วถนนสายวิทยาศาสตร์ รับวันเด็กแห่งชาติ 67 “ศุภมาส” เปิดงานชี้อยากให้ทุกวันคือวันเด็ก

เริ่มแล้วถนนสายวิทยาศาสตร์ รับวันเด็กแห่งชาติ 67 “ศุภมาส” เปิดงานชี้อยากให้ทุกวันคือวันเด็ก

รมว.อว.พร้อมให้ความสำคัญกับเด็กทุกช่วงวัย ขณะที่นักเรียนนับพันคนจากหลายโรงเรียนแห่ร่วมกิจกรรมวิทยาศาสตร์ ไฮไลท์ขบวนหุ่นยนต์นับสิบตัว KidBright Formula Kids บังคับรถผ่านเขาวงกต แข่งขันเตะฟุตบอลด้วยรถ Formula การบังคับรถไร้คนขับ รับของขวัญของรางวัลกว่า 7 หมื่นชิ้น

เมื่อวันที่ 12 ม.ค. น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “ถนนสายวิทยาศาสตร์ รับวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567” มีนายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัด อว. ผู้บริหาร อว. และผู้บริหารจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้าร่วม ที่กระทรวง อว. ถ.โยธี กรุงเทพฯ ทั้งนี้ บรรยากาศในงานเป็นไปด้วยความคึกคัก มีนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ เข้ามาร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนกว่า 1,000 คน โดยในบริเวณงานมีบูธกิจกรรมต่างๆ จาก 23 หน่วยงานใน อว. ภาคีเครือข่าย และหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนมาจัดแสดงเต็มพื้นที่ลานพระรูปรัชกาลที่ 4 รวมถึงพื้นที่โดยรอบกระทรวง อว. ไฮไลต์สำคัญ คือ กองทัพหุ่นยนต์ต่างๆ ที่สามารถดึงดูดความสนใจจากเด็กๆ ได้เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น หุ่นยนต์กู้ภัย หุ่นยนต์กู้ภัยจิ๋ว หุ่นยนต์ซูโม่ หุ่นยนต์ปิ่นโต หุ่นยนต์ผสมยา และหุ่นยนต์อัจฉริยะ “WALKIE” การแสดงเอ็งกอ การเพ้นท์หน้ากากเอ็งกอ กิจกรรม Science for Fun ที่มีทั้งเกม และของเล่นวิทยาศาสตร์อีกมากมาย พร้อมยังมีกิจกรรม KidBright Formula Kids บังคับรถผ่านเขาวงกตและแข่งขันเตะฟุตบอลด้วยรถ Formula และการบังคับรถไร้คนขับรวมทั้งกิจกรรมเกมส์วิทยาศาสตร์และการแสดงอีกหลากหลายที่ให้ความรู้ควบคู่กับความสนุกสนานในเวลาเดียวกัน

นอกจากนั้นน.ส.ศุภมาสยังเปิดโอกาสให้เด็กๆ ที่มาร่วมงานได้นั่งโต๊ะทำงานของรัฐมนตรีด้วย

น.ส. ศุภมาส กล่าวว่า “วันเด็ก” เป็นวันที่มีความสำคัญสำหรับเด็กทุกคน เพราะเด็กๆ จะได้มีโอกาสมาร่วมกิจกรรมที่สนุกสนานและสร้างความสุข สำหรับดิฉันทุกๆ วันคือวันเด็ก ไม่ใช่แค่วันเสาร์สัปดาห์ที่สองของเดือนมกราคมเท่านั้น ดังนั้น ดิฉันและกระทรวง อว. จึงให้ความสำคัญกับเด็กในทุกช่วงวัย เพราะว่าพวกเขาจะเติบโตมาเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ “งานถนนสายวิทยาศาสตร์ รับวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567” จึงเน้นกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ให้ทั้งความรู้ ความสนุก โดยเนรมิตงานนี้ให้กลายเป็นสวนสนุกทางวิทยาศาสตร์ ที่เด็กๆ ทุกคนจะสนุกสนานกับกิจกรรมทางมากมาย

รมว.อว. กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ กระทรวง อว.ได้เตรียมของขวัญและของรางวัลกว่า 70,000 ชิ้นมามอบให้ในงานถนนสายวิทยาศาสตร์ โดยมีภาคเอกชนผู้ใหญ่ใจดีหลายบริษัทที่มาช่วยเติมเต็มจินตนาการให้กับเด็กๆ อาทิ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์, บริษัท แพลน บี มีเดีย, บริษัท ชิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งฯ ที่ได้มอบรางวัลให้กับน้อง ๆ รวมกันกว่า 300 ชิ้น โดยมีทั้งจักรยาน เช่น จักรยานเสือหมอบ จักรยานเสือภูเขา จักรยานเด็กดีไซน์สวย พร้อมยังมีสกู๊ดเตอร์และเซิร์ฟสเก็ตสีสันสดใส ตุ๊กตาแสนน่ารัก รถบังคับวิทยุ อุปกรณ์เครื่องเขียนต่างๆ อีกด้วย ขณะที่ ทางบริษัท มนตรี ทรานสปอร์ต คอร์ปอเรชั่น และ บริษัท คิง เจน จำกัด (มหาชน) ยังได้ให้บริการรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางมาร่วมงานให้กับน้อง ๆ จากโรงเรียนต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล กว่า 38 แห่ง
พร้ือมกันนั้นยังมีบริษัท สมูท ไลฟ์ จำกัด โดย ดร.แสนสุข ที่มาร่วมมอบของขวัญโดยการให้ส่วนลดผลิตภัณฑ์ในร้านขายยา P&F เช่น ผลิตภัณฑ์กลุ่ม Smooth E และยาสีฟัน Dentiste ถึง 40% ให้กับนักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่เข้าร่วมงาน และในวันที่ 13 มกราคมนี้ คุณ “เอ ศุภชัย” ยังจะนำทีมพี่ๆ ศิลปินดารา อาทิ น้องดล นภดล / เลโอนาร์โด ซุนโด และ ทาฆิ อ่องลออ มาร่วมให้ความบันเทิงและจับสลากของรางวัลให้กับเด็กๆ อีกด้วย

งานถนนสายวิทยาศาสตร์สำหรับปีนี้ ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลจะจัดขึ้น 3 แห่ง คือ วันที่ 12-13 ม.ค. จัดที่กระทรวง อว. ถนนโยธี วันที่ 12-14 ม.ค. จัดที่ศูนย์การค้าเดอะ สตรีท รัชดา ชั้น 5 กรุงเทพฯ และวันที่ 13 ม.ค จัดที่องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ คลองห้า ปทุมธานี ขณะที่ ในต่างจังหวัดยังมีการจัดงานวันเด็กในมหาวิทยาลัยและหน่วยงานในสังกัดกระทรวง อว. อีกกว่า 51 แห่ง ใน 49 จังหวัด เพื่อมอบความสุขให้กับเด็กๆ ทั่วทุกภูมิภาค

0 Shares

วว. จัดสัมมนาฟรี ! การดูแลเครื่องมือวัดมาตรฐานสากล & AI Chatbot

วว. จัดสัมมนาฟรี ! การดูแลเครื่องมือวัดมาตรฐานสากล & AI Chatbot

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) โดย ศูนย์ทดสอบและมาตรวิทยา (ศทม.) จัดสัมมนาฟรี ! จำนวน 2 เรื่อง ดังนี้
1) การดูแลเครื่องมือวัดตามมาตรฐานสากล (เครื่องชั่ง เครื่องแก้ว ไฮโดรมิเตอร์) ในวันที่ 1 ก.พ.เวลา 10.00-12.00 น.
2) Application of AI Chatbot for Testing and Calibration Laboratories ในวันที่ 2 ก.พ. เวลา 10.00-12.00 น.
ผู้สนใจเข้าร่วมการสัมมนา สามารถลงทะเบียนภายในงาน Thailand Industrial Fair and Food PACK ASIA 2024 งานแสดงสินค้าเครื่องจักรบรรจุภัณฑ์อาหาร ณ ไบเทค บางนา หรือสอบถามรายละเอียด ได้ที่ ศูนย์ทดสอบและมาตรวิทยา วว. โทร.0 2577 9036

0 Shares

วว. ถ่ายทอดองค์ความรู้วิธีการ/เทคนิคการผสมสารฝนหลวงทางเลือกแก่บุคลากรกรมฝนหลวงและการบินเกษตร

วว. ถ่ายทอดองค์ความรู้วิธีการ/เทคนิคการผสมสารฝนหลวงทางเลือกแก่บุคลากรกรมฝนหลวงและการบินเกษตร

ดร.ประทีป วงศ์บัณฑิต รองผู้ว่าการวิจัยและพัฒนาด้านพัฒนาอย่างยั่งยืน สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานเปิดการประชุมถ่ายทอดองค์ความรู้วิธีการและเทคนิคการผสมสารฝนหลวงทางเลือก ให้แก่บุคลากร กรมฝนหลวงและการบินเกษตร นำโดย นายฉันติ เดชโยธิน ผู้เชี่ยวชาญด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์บรรยากาศประยุกต์ เพื่อเป็นแนวทางในการผลิตสารฝนหลวงทางเลือก พร้อมนำไปขยายผลและพัฒนาด้านอื่นๆ เพิ่มเติมต่อไป ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้ โครงการการใช้สารฝนหลวงทางเลือกสำหรับการปฏิบัติการฝนหลวง จากพระราชดำริส่วนพระองค์ใน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อสร้างฝนเทียมสำหรับบรรเทาความแห้งแล้งให้กับเกษตรกร

วว. โดย ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมวัสดุ (ศนว.) ได้มีโอกาสร่วมนำความรู้ความสามารถทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาช่วยในการวิจัยและพัฒนาสารฝนหลวงทางเลือก เพื่อร่วมสืบสานและต่อยอดโครงการในพระราชดำริดังกล่าว จากการวิจัยและพัฒนาสารฝนหลวงทางเลือกของ วว. ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ประสบผลสำเร็จในการพัฒนาสารฝนหลวงทางเลือกสูตร AR23 ซึ่งผ่านการทดลองในห้องปฏิบัติการและทดลองนำขึ้นปฏิบัติการฝนหลวงไปแล้วนั้น ผลการทดลองที่ได้แสดงให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้อย่างมากในการนำสารฝนหลวงทางเลือกที่พัฒนาขึ้น

ไปใช้ในการปฏิบัติการฝนหลวงในสภาวะอากาศที่มีความชื้นสัมพัทธ์ต่ำกว่า 60% ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการขึ้นปฏิบัติการได้ โอกาสนี้ ดร.อาริสา ใจอยู่ นักวิจัยอาวุโส นายบวร นฤทัย และนางสาวณัฐพร ชิติชัยรัตนภูมิ นักวิจัย ศนว. ร่วมเป็นวิทยากรบรรยายถ่ายทอดความรู้ฯ ในวันที่ 9 ม.ค.ที่ห้องประชุม RD 2-3 วว. เทคโนธานี คลองห้า จ.ปทุมธานี

0 Shares

อว. ดัน 16 สถาบัน ขอรับการรับรองหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์จาก ABET สหรัฐอเมริกา

อว. ดัน 16 สถาบัน ขอรับการรับรองหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์จาก ABET สหรัฐอเมริกา

เมื่อวันที่ 9 ม.ค. นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการภายใต้โครงการขับเคลื่อนให้สถาบันอุดมศึกษาไทยให้ได้รับการรับรองจาก Accreditation Board for Engineering and Technology (ABET) ของสหรัฐอเมริกา ภายในปี 2568 ระหว่างกระทรวง อว. และสถาบันอุดมศึกษา 16 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีมหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยนเรศวรจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ มหาวิทยาลัยบูรพา และมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ รวม 56 หลักสูตร เพื่อยกระดับมาตรฐานและคุณภาพการศึกษาหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ของไทยให้เทียบเคียงกับมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก โดยมี ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวง อว. คณะผู้บริหาร คณาจารย์ และผู้ดูแลหลักสูตร เข้าร่วมงาน ณ ห้อง Ballroom A โรงแรมปทุมวันปริ๊นเซส กรุงเทพฯ

นายเพิ่มสุข กล่าวว่า สป.อว. ได้ดำเนินโครงการส่งเสริมสถาบันอุดมศึกษาไทยให้ได้รับการรับรองมาตรฐานหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ (ABET) ของสหรัฐอเมริกา มาตั้งแต่ปี 2558 โดยร่วมมือกับสมาคมนักวิชาชีพไทยในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา (ATPAC) ในการส่งเสริมสถาบันอุดมศึกษาไทยให้ได้รับการรับรองจาก ABET ผ่านการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ การประชุมวิชาการเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการรับรองตามมาตรฐานของ ABET การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อให้ความรู้ในเชิงลึกเกี่ยวกับแนวปฏิบัติที่ดีในการเตรียมความพร้อมการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อฝึกเขียนรายงานการศึกษาตนเอง การตรวจรายงานการศึกษาตนเอง และการทดลองประเมิน (Mock Visit) อย่างต่อเนื่อง โดยการดำเนินโครงการระยะที่ 1 ประสบความสำเร็จมีผลงานอย่างเป็นรูปธรรม โดยหลักสูตรด้านวิศวกรรมศาสตร์ จำนวน 9 หลักสูตร จาก 4 มหาวิทยาลัยนำร่อง ได้แก่ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

ปลัด อว. กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการ ABET ระยะที่ 2 มี 16 สถาบันอุดมศึกษาที่มีความพร้อมและประสงค์ขอรับการรับรองหลักสูตรจาก ABET ภายในปี 2568 รวม 56 หลักสูตร ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมความเป็นสากลของอุดมศึกษาไทยนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค และเป็นการยกระดับบุคลากรด้านวิศวกรรมศาสตร์ของไทยให้เป็นที่ยอมรับและเป็นการขยายโอกาสในการสร้างความร่วมมือ ตลอดจนประโยชน์ทางด้านวิชาชีพในอนาคตของนักศึกษาไทย

0 Shares